สังคม

แฉวัตถุมงคล ‘พระลัทธิถวายตัว’ หลอกให้เหยื่อขาย อ้างโกงนับ 10 ล้าน เซียนพระฟันธงไร้ราคา ให้ฟรียังโกรธ

โดย nicharee_m

14 มิ.ย. 2567

456 views

โหนกระแสวันนี้ (14 มิ.ย.) พูดคุยกรณีกลุ่มผู้เสียหายออกมาแฉอดีตพระ ที่ก่อตั้งลัทธิถวายตัว ล่อลวงลูกศิษย์ทั้งชายหญิงมามีสัมพันธ์ทางเพศ โดยอ้างว่าตัวเองกำลังหมดอายุขัย เพราะช่วยเหลือบรรดาลูกศิษย์จนอ่อนแอ สุดท้ายเป็นการหลอกลวงล่วงละเมิดทางเพศ

ต่อมา อดีตพระออกมาโต้ว่า ที่กลุ่มผู้เสียหายเหล่านี้ออกมาแฉ ไม่เป็นความจริง ทุกครั้งที่มีสัมพันธ์ ทุกคนเต็มใจร่วม และมีคลิปออกมาเผยแพร่ เป็นคลิปที่ผู้เสียหายต่างๆ อยู่ในสภาพเปลือย เอาออกมาเปิดเพื่อบอกว่าผู้เสียหายสมยอมเอง

และที่ออกมากล่าวหาอดีตพระ เพราะว่ามีปัญหาขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องของขลังวัตถุมงคล และยักยอกเงินอดีตพระเป็นค่าวัตถุมงคลไปกว่า 14 ล้านบาท

โดยทางผู้เสียหายยืนยันว่า คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าคลิปเหล่านี้จะต้องถูกปล่อยแน่นอน เพราะเขาหลอกให้ลูกศิษย์ทุกคนถ่ายคลิปเหล่านี้ไว้ อ้างว่าเป็นการถ่ายคลิปเพื่อบูชาพระคุรุ เบื้องบนอะไรของเขานั่นเอง การที่พวกตนออกมาสู้ในเรื่องนี้ ยอมออกมาเผชิญความอับอาย เล่าประสบการณ์ร้ายๆ ในชีวิตเหล่านี้ ให้ตีเป็นราคา เป็นเงิน เท่าไหร่มันก็ไม่คุ้ม

โดยหนึ่งในตัวอย่างวัตถุมงคลที่เขาให้เช่าบูชา คือ สีผึ้งมหาสเน่ห์ ใช้เสริมดวง ล้างของไม่ดี ปัดเป่าคุณไสย ให้เช่าในราคาตลับละ 5 หมื่นบาท ซึ่งอดีตพระรูปนี้มอบหมายให้กลุ่มผู้เสียหายไปขาย คนละ 10 ตลับ แล้วหากขายได้ ให้โอนเงินเข้าไปที่สำนักสงฆ์ โดยผู้รับเงินคือชายคนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาของอดีตพระ

พิศาล เตชะวิภาค หรือ ต้อย เมืองนนท์ อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย มองเรื่องนี้ว่า โดยปกติเท่าที่เคยเห็นมา กลุ่มลูกศิษย์ลูกหา เมื่อไปศรัทธาในตัวพระเกจิเหล่านี้ จุดเริ่มต้นมาจากความศรัทธาก่อนเป็นอย่างแรก เมื่อศรัทธาก็จะทำสิ่งตามๆ ตามคำสั่งของพระด้วยความเกรงใจ ยิ่งใครที่รับใช้ใกล้ชิด ก็ยิ่ง “เกรงกลัว” กลัวว่าจะทำอะไรให้พระขุ่นเคือง ไม่พอใจ ทำให้หลายๆ ครั้ง คนเราหลงทำสิ่งต่างๆ ไม่ใช่แค่เพราะความโง่เขลา แต่เป็นเพราะความกลัวเหล่านี้

แต่ในส่วนของเรื่องเครื่องรางของขลังทั้งหลาย ในวงการคนเล่นพระเครื่อง ของพรรค์นี้ไม่มีใครเขาสนใจเล่นกัน เพราะไม่ได้เป็นพระเครื่อง วัตถุมงคล ของพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับนับถือ มีคนเคารพเลื่อมใสโดยทั่วไป

อย่างสีผึ้ง 5 หมื่นที่ว่า ประเมินดูแล้ว หากทำเองในประเทศ ต้นทุนก็ประมาณ 10 บาท หรือถ้านำเข้ามาจากต่างประเทศ ก็ต้นทุน 40-50 บาทเท่านั้น การเอามาหลอกให้เช่าบูชาแบบนี้ ก็เหมือนเป็นอลัชชี ที่ทำมาหาได้จากความเชื่อของคน

ยิ่งทราบว่ามีภาพที่อดีตพระรูปนี้เอาของขลังไปผูกกับของลับ ถ่ายรูปอวดคนในกลุ่ม อะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่ต้องสงสัย คนแบบนี้ไม่ใช่พระแล้ว เป็นอลัชชี

ยิ่งพวก “ไอ้งั่ง” หรือที่เขาเรียกกันว่า “พระชัย” ที่เขาขายตัวละ 3,600 บาท ถ้าสร้างทีละเยอะๆ ตัวนึงก็ประมาณ 30-40 บาท มันขายเป็นพัน เพราะขายความเชื่อ ค้าความเชื่อคน ซึ่งทางผู้เสียหายก็บอกว่าขายไม่ค่อยได้ มีแค่ชาวต่างชาติที่มาซื้อไป

แล้วยังมีชุดบูชาเป็นลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม ด้านหลังมีตะกรุด มีน้ำมัน เราเรียกว่า ปถมังโลกี พิธีอัษฎาง พิมพ์พระเจ้า 3 ลึงค์ และ พิมพ์สาริกาตันตระกาม ขายชุดละ 7 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท พวกนี้เป็นของสกปรก หมกมุ่นในกามสังวาส เป็นการออกแบบเลียนแบบพระนารายณ์อุ้มสมพระแม่อุมาไว้บนตัก แต่อย่างที่เอามาให้ดู ที่บอกว่าเป็น ไอ้งั่นซาราดินอุ้มนาง มีการสอดใส่อะไรต่างๆ นี่มันไม่ใช่แล้ว

อาต้อย เมืองนนท์ บอกว่า เท่าที่พิจารณาพระรูปนี้ เท่าที่ดูจากของขลังต่างๆ จะสะท้อนเลยว่าเขาหมกมุ่นในเรื่องกามมากๆ คิดแต่เรื่องกามอย่างเดียว

ทางผู้เสียหายเล่าว่า พระรูปนี้ให้ลูกศิษย์ช่วยขายของเหล่านี้ตั้งแต่รู้จักกันเป็นเวลา 10 กว่าปีมาแล้ว รวมเงินที่ขายได้แล้วโอนให้เขาไป ประมาณ 80 กว่าล้านบาท โดยเวลาขายได้ เขาจะให้เรารักเปอร์เซนต์ไว้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าแรงในการขาย ส่วนเงินที่ขายได้ เขาบอกว่าจะเอาไปสร้างสำนักปฏิบัติธรรม บางครั้งเงินที่เราจะได้เปอร์เซ็นต์เราก็ทำบุญไป ไม่ได้หักไว้

ที่อดีตพระกล่าวหาว่าผู้เสียหายติดค้างเงิน ยักยอกของมงคลของเขาหลายล้านบาท เป็นเพราะขายของให้เขาไม่ได้ แล้วของยังอยู่กับเรา ทั้งที่ทางผู้เสียหายเองพยายามติดต่อขอคืนของเหล่านี้ให้เขา แต่เขาไม่ยอมรับคืน จะเอาเป็นเงิน

ซึ่งในเรื่องนี้ทางทนายไพศาลยืนยันว่า ทำแบบนี้ไม่ได้ จะบังคับให้ผู้เสียหายรับของไว้แล้วขู่เอาเงิน มันทำไม่ได้ เมื่อทางผู้เสียหายแจ้งความประสงค์จะคืน เขาต้องรับของคืนไป จะมาบอกว่ายักยอก มันไม่ได้

แล้วการที่เขาอ้างว่าของพวกนี้ราคามูลค่าเป็นล้าน 14 ล้าน มันเป็นหน้าที่ของเขา เป็นหน้าที่โจทก์ ที่จะต้องไปพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ ว่าของพวกนี้มันราคาขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าคิดจะฟ้องก็ขอให้พิสูจน์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจากของขลัง จะกลายเป็นของขัง คือขังลืม ขังยาว

ส่วนทางผู้เสียหาย ไปแจ้งความดำเนินคดีในคดีข่มขืนกระทำชำเราได้ เพราะเราไม่ได้สมยอม และมันมีประเด็นในเรื่องความเบาปัญญา ที่สามารถนำมาต่อสู้ได้ ว่าตอนที่เกิดเหตุ มันมีภาวะบางอย่างทำให้เราขาดสติรู้ผิดรู้ถูก ซึ่งเขาจะถูกดำเนินคดีหลากหลายกรรม หลายวาระมาก

แล้วพวกลูกศิษย์ที่ยังออกตัวปกป้อง ระวังไว้ เพราะมีสิทธิ์จะโดนเป็นตัวการร่วมด้วย เพราะฉะนั้นออกมาออกตัวกันเยอะๆ คนที่ยังงมงายกับอลัชชีตนนี้อยู่ ก็ขอให้รู้ว่ามันเป็นตัวการทำให้ศาสนาเสื่อม

คุณอาจสนใจ

Related News