เศรษฐกิจ
ครม.เศรษฐกิจชง 3 มาตรการดัน GDP โต 3% ปีนี้ สั่งออมสินหาเงินแสนล้าน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
โดย petchpawee_k
11 มิ.ย. 2567
122 views
ครม.เศรษฐกิจ งัด 3 มาตรการ ฟื้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้า GDP โต 3% ภายในสิ้นปีนี้ เล็งคุย ธปท. ลดแบล็กลิสต์ พร้อมสั่งออมสินหาเงินแสนล้าน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.) เศรษฐกิจที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันนี้ (10 มิ.ย.67) ว่าในการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งที่ 2 รัฐบาลได้มีการหารือ และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจซึ่งในไตรมาสที่ 1/2567 ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าเศรษฐกิจโตต่ำกว่าศักยภาพ และเติบโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคซึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องมีทั้งมาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาวซึ่งในส่วนระยะยาว อีก 3 ปีข้างหน้าก็มีการหารือว่าเศรษฐกิจของไทยต้องขยายตัวประมาณ 5% ต่อปีเราจึงจะสามารถไปรอดได้ แต่ว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็ต้องมีการใช้มาตรการระยะสั้นเพื่อที่จะให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ประมาณ 3% จากเดิมที่ตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 2567 จะขยายตัวได้ประมาณ 2.4%
โดยมาตรการที่ออกมาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้นจะมี 3 มาตรการดังนี้
1.มาตรการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยดึงเอานักท่องเที่ยวเข้ามาสู่ประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านคน จากเดิมที่ได้มีการตั้งเป้าว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้าสู่ประเทศไทยในปีนี้อยู่ที่ 35.7 ล้านคน ตั้งเป้าเป็น 36.7 ล้านคน ซึ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มในจำนวนนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้อีกประมาณ 0.12%
2.การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลที่มีอยู่ประมาณ 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณในการลงทุนในปี 2567 และคิดเป็นสัดส่วน 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งปัจจุบันงบประมาณในส่วนนี้เบิกจ่ายไปได้แล้วประมาณ 41% และปกติจะเบิกจ่ายได้ประมาณ 60% ของเป้าหมาย แต่ในปีงบประมาณนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งจะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้อีก 0.24%
3.การเร่งรัดการลงทุนของภาคเอกชนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีการขอบีโอไอไปแล้วกว่า 8 แสนล้านบาท หากสามารถจะเร่งรัดให้มีการลงทุนจริงในปีนี้ ประมาณ 3 – 4 หมื่นล้านบาท ก็จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้อีกประมาณ 0.14 – 0.15%
นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจยังเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมการเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (เซมิคอนดักเตอร์บอร์ด) เพื่อพัฒนาแรงงานฝีมือของเราให้มีความสามารถ และทักษะแรงงานในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ซึ่งแม้ว่าเราจะเริ่มเรื่องนี้ช้ากว่าหลายประเทศ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราจะร่วมกับเอกชนในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในเรื่องนี้เพราะว่ากำลังมีการขยายการลงทุน และแรงงานกลุ่มนี้เป็นที่ต้องการมาก ซึ่งแนวทางจะมีการส่งแรงงานของไทยไปฝึกแรงงานเรื่องนี้ในไต้หวันซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ด้วย
สำหรับเรื่องของการแก้ปัญหาของหนี้เสีย และ NPL มีแนวคิดที่จะปรับให้ลูกหนี้ที่เป็น NPL เนื่องจากผลกระทบจากโควิด ซึ่งเป็นลูกหนี้ รหัส 21 ใช้เกณฑ์ติดเครดิตบูโรใหม่ จาก 5+ 3 เป็น 3+3 ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้กลุ่มนี้หลุดจากบัญชีเครดิตบูโรได้ภายใน 1 – 2 ปีนี้
นอกจากนี้ในเรื่องของสภาพคล่องของผู้ประกอบการได้เตรียมจะเสนอมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ (PGS) 11 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อเสนอ ครม.เพื่อค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นายพิชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลัง เสนอให้ธนาคารออมสิน เตรียมวงเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลน ให้ธนาคารพาณิชย์ คิดอัตราดอกเบี้ย 0.1% เป็นระยะเวลา 2 ปี พร้อมนำเสนอมาตรการสนับสนุนสินเชื่อให้กับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เตรียมเสนอมาตรการค้ำประกันเงินกู้ตามโครงการ พีจีเอส 11 วงเงินสูงสุดรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท วงเงินทั้งโครงการ 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/yFca3yoHCM0
แท็กที่เกี่ยวข้อง พิชัยชุณหวชิร ,ครม.เศรษฐกิจ ,GDP ,ธนาคารออมสิน