สังคม

ที่แท้ ผู้ว่าฯเชียงใหม่หวังดี ประสานกรมศิลป์บูรณะ หลังอาจารย์ มช. โวยยักษ์เก่าแก่ 500 ปี ถูกพอกปูนจนขาวโพลน

โดย paranee_s

9 มิ.ย. 2567

1.7K views

จากกรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร้องวัดดังในเชียงใหม่โบกปูนทำยักษ์เก่าแก่ อายุ 500 ปี เป็นยักษ์ใหม่ลบภาพยักษ์โบราณสิ้นความเสียหายจากการบูรณะประติมากรรมภาพยักษ์ศิลปะล้านนาอายุ 400-500 ปี


โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรชัย จงจิตงาม คณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาร้องเรียนต่อวัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม จ.เชียงใหม่ ที่ปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมประติมากรรมปูนปั้นภาพยักษ์ขนาดใหญ่ในศิลปะล้านนาของด้วยการปั้นพอกจนกลายเป็นของใหม่ประติมากรรมปูนปั้นยักษ์ขนาดใหญ่สูงราว 2 เมตร เป็นรูปยักษ์ในศิลปะล้านนาที่พบอยู่ภายในวัดอุโมงค์มาแต่โบราณครั้งวัดอุโมงค์ยังเป็นวัดร้างอยู่กลางป่าหลายร้อยปี


ต่อมาได้มีการฟื้นฟูวัดอุโมงค์ขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2490 และประติมากรรมยักษ์ก็ถูกรักษาไว้ตามเดิมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ประติมากรรมยักษ์ที่วัดอุโมงค์ มีอายุไม่น้อยกว่า 400 ปี ซึ่งประติมากรรมยักษ์ดังกล่าว สภาพยังสมบูรณ์อยู่มาก มีศีรษะ และลำตัวครบ แม้แขนจะชำรุดบ้าง แต่ก็เป็นศิลปะที่มีค่า โดยในศิลปะล้านนาภาพยักษ์ในสภาพที่สมบูรณ์อายุหลายร้อยปีที่มีอายุหลายร้อยปีเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ประติมากรรมยักษ์ที่วัดอุโมงค์จึงมีความสำคัญในฐานะเป็นต้นแบบในการศึกษาภาพยักษ์ในศิลปะล้านนา ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างเฉพาะตัวไปจากภาพยักษ์ในศิลปะอยุธยา และรัตนโกสินทร์ที่กรุงเทพฯ ซึ่งพบเห็นได้ง่ายในจำนวนมากกว่า


ฉะนั้น ยักษ์ที่วัดอุโมงค์จึงมีความสำคัญ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันหาได้ยากที่ควรรักษาไว้อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีบุคคลจากภายนอกที่ไม่รู้คุณค่าของศิลปะโบราณ ได้นำช่างฝีมือรุ่นใหม่มาทำการปั้นพอกปูนทับยักษ์โบราณในรูปแบบที่ปั้นใหม่ขึ้นทั้งหมด ทำให้ยักษ์วัดอุโมงค์จึงกลายเป็นของใหม่อย่างสิ้นเชิง ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.67 ณ วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พระครูสมุห์บุญเลิศ ชยวโส เจ้าอาวาส และพระพีระ พระลูกวัดที่รับหน้าที่เฝ้าดูการบูรณะยักษ์ทั้ง 2 ตน ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อราวต้นปี 67 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มาเที่ยวชมวัดแห่งนี้ และเกิดศรัทธาและเห็นยักษ์ทั้งสององค์ ชำรุด จึงประสานให้กรมศิลปากร เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมบูรณะแล้วเสร็จได้หลายเดือนแล้ว


พระพีระ กล่าวเสริมว่า การดำเนินการเท่าที่ทราบและเห็นก็มีการนำปูนพอกเข้าไป กับของเดิม ซึ่งทางวัดไม่รู้เรื่องการบูรณะใด ๆ เพราะเชื่อมือกรมศิลปากร ที่เป็นแม่งาน เป็นหน้างานของเขา ทางวัดได้แค่ดู เพราะวัดแห่งนี้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ทุกอย่างเป็นสมบัติของชาติ หน้าที่ซ่อมบำรุง ก็ต้องเป็นกรมศิลป์


ยักษ์ทั้ง 2 ตนมีตำนานมาหลายร้อยปีแล้ว ทั้งเรื่องลึกลับและเรื่องอื่นๆ ในอดีตยักษ์ทั้งสองตนที่ถือเป็นยักษ์ “ทวารบาล” เฝ้าประตูทางเข้าวัด เคยมีคนมาบน แล้วไม่แก้บน ก้เกิดเรื่องราวจนต้องมาแก้บน ต่อมายักษ์ทั้งสองเคยถูกต้นมะกอก และต้นตะเคียนยักษ์ ล้มใส่ แต่เมื่อเอาต้นไม้ออกยักษ์ทั้งสองก็ไม่สึกหรอใด ๆ เลย


วัตถุโบราณหรือโบราณสถานในวัดแห่งนี้นั้นถูกกรมศิลป์ขึ้นบัญชีไว้ทั้งหมดแล้ว ทางวัดนั้นไม่มีสิทธิไปทำการซ๋อมบูรณะ มีหน้าที่ดูและคอยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาบูรณะเท่านั้น “ทางวัดมีเพียง เป็นผู้เฝ้ามอง”


ทางด้านดร. สุรชัย จงจิตงาม คณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ร้องเรียน หลังทราบว่า การบูรณะยักษ์ทั้ง 2 เป็นสีขาวโดยการโบกปูนทับ เป็นฝีมือข้าราชการระดับสูงของเชียงใหม่ประสานไปยังกรมศิลป์ เพื่อขอให้มาบูรณะยักษ์ทั้ง 2 องค์ ได้เปิดเผยว่า ตนได้ทราบเรื่องนี้มาก่อนหน้านั้นเหมือนกันว่า เป็นข้าราชการระดับสูงของเชียงใหม่ ท่านได้ประสานไปยังกรมศิลป์ เพื่อร้องขอให้ทางกรมศิลป์มาบูรณะยักษ์ทั้งสอง


ท่านอาจจะมีความประสงค์ดี แต่การบูรณะแบบนี้นั้นถือว่าไม่ถูกต้องนัก การบูรณะมีหลายวิธี ที่ทำให้วัตถุโบราณ สถานโบราณต่าง ๆ ยังคงความเป็นโบราณ นั้นมีหลายวิธี ไม่ถึงกลับต้องมาบูรณะแบบทำให้ใหม่เลย ทำให้ยังคงเป็นเนื้อปูนโบราณ และกลับสภาพสมบูรณ์ กรมศิลป์ นั้นย่อมรู้ดี ตนสามารถแนะนำวิธีการบูรณะ แบบให้มีความสมบูรณ์ยังคงความเป็นเนื้อโบราณ พร้อมและยินดีให้คำแนะนำ


ตอนนี้ตนทราบมาว่า มีโบราณสถาน โบราณวัตถุอีกหลายแห่งในเชียงใหม่ ที่มีข้าราชการระดับสูงท่านไปเห็นแล้วเกิดความไม่สบายใจ และประสานกรมศิลป์ ทำการบูรณะใหม่ ที่ไหนบ้าง ตอนนี้รอแหล่งข่าวส่งภาพและสถานที่มา จะได้นำเสนออีกครั้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ