อาชญากรรม

ฟังเสียง ‘โฟโต้’ มือฆ่าหมกคอนโด เปิดใจสำนึกผิด-ขอโทษครอบครัวผู้ตาย พ่อห่วงลูกใช้ชีวิตในคุก

โดย thichaphat_d

2 มิ.ย. 2567

569 views

'โฟโต้' พยักหน้ารับสำนึกผิด ผบช.ภ.1 แถลงข่าวคดีฆ่าหมกศพคาคอนโด เจ้าตัวสารภาพให้การปมขัดแย้งร่วมกันทำธุรกิจ หลบหนีหลายพื้นที่เพื่อประวิงเวลาถูกจับ

กรณีนายไพศาล อายุ 54 ปี เจ้าของห้องพักคอนโดย่านงามวงศ์วาน ถูกนายภูริณัฐ หรือ โฟโต้ อายุ 27 ปี หนุ่มดีกรีนิติศาสตร์ ม.ดัง ก่อเหตุใช้อาวุธมีดที่เตรียมมากระหน่ำแทงนายไพศาลจำนวน 15 แผล ก่อนจะหมกร่างไว้ในห้องพักพร้อมกับรื้อค้นนำทรัพย์สินผู้ตายหลบหนีไป จนกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายภูริณัฐ ได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งในเขตอำเภอเมืองชุมพร ก่อนจะควบคุมตัวนำกลับมาทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) เวลา 12.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเชิญนายพรชัย พ่อของผู้ต้องหา มาด้วย โดยมี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมาร่วมสอบปากคำด้วย

โดยผู้ต้องหา สวมเสื้อกีฬาสีดำ และกางเกงขาสั้นสีดำ พร้อมคลุมเสื้อปิดศีรษะ ใส่หน้ากากอนามัยเดินออกมาสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ดูมีความวิตกกังวลแต่อย่างใด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาออกมาเข้าห้องน้ำ ซึ่งในระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงและต้องการที่จะกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ตอบคำถามใดๆ

หลังจากนั้นผ่านไปเวลาประมาณ 2 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาออกจากห้องน้ำ ผู้สื่อข่าวจึงได้พยายามสอบถามว่า "สำนึกผิดหรือไม่และต้องการจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่" ปรากฏว่าผู้ต้องหาพยักหน้าตอบรับคำถามของผู้สื่อข่าวถึง 3 ครั้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวเข้าห้องสอบปากคำ

ต่อมา พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงรายละเอียดคดีที่ดังกล่าว โดย เปิดเผยว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.67 แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งในวันที่ 26 พ.ค.67 ซึ่งศพของผู้เสียชีวิตมีสภาพที่ตรวจสอบยากเป็นที่น่าหดหู่ ซึ่งได้ตรวจสอบบาดแผล พบบาดแผลทั้งหมด 15 จุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวของผู้ต้องหาดังกล่าวยากพอสมควร เนื่องทางผู้ต้องหาเปลี่ยนชุด เปลี่ยนวิธีการเดินทาง เปลี่ยนลักษณะท่าทางในการเดินต่างๆ ทำให้ใช้เวลาในการจับกุม

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหา ยอมรับว่าก่อเหตุฆ่านายไพศาลจริง ส่วนมูลเหตุจูงใจและสาเหตุที่ก่อเหตุในครั้งนี้นั้น อยู่ในระหว่างการสอบปากคำอย่างละเอียด แต่จากคำให้การของผู้ต้องหาเบื้องต้น อ้างว่าสาเหตุที่ลงมือฆ่าผู้ตายนั้นเป็นเพราะเกิดความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันอยู่ คือธุรกิจสั่งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายทางออนไลน์ โดยในคืนที่เกิดเหตุในห้องพักเกิดมีปากเสียงกัน ทำให้ผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดที่เตรียมมาจ้วงแทงผู้ตายจนเสียชีวิต แล้วรื้อค้นนำทรัพย์สินของผู้ตายหลบหนีไป แต่ในชั้นจับกุมผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิตจริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่าเป็นการป้องกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาจะให้การ

ส่วนสาเหตุเงินจำนวนหลักล้านบาทที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ตายติดเงินผู้ต้องหานั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ บอกว่าอยู่ในสำนวนคดี ยังเปิดเผยไม่ได้

ส่วนที่ผู้ต้องหาได้เดินทางหลบหนีไปยังพื้นที่ต่างๆ มากมาย ก่อนสุดท้ายจะมาถูกจับกุมที่จังหวัดชุมพรนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า เป็นการหลบหนีเพื่อประวิงเวลาให้ถูกจับกุมได้ช้าที่สุด โดยเป้าหมายสุดท้ายที่ผู้ต้องหาหลบหนี คือการกลับบ้านที่ จ.ชุมพร ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าผู้ต้องหาเองรู้ตัวอยู่แล้วว่า ยังไงต้องถูกจับ เลยพยายามหลบหนีไปหลายพื้นที่เพื่อเป็นการประวิงเวลา

สำหรับของกลางที่สามารถตรวจยึดจากผู้ต้องหาได้นั้น ได้แก่ ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 28 บาท ซึ่งเป็นทองคำที่ผู้ต้องหาใช้เงินของผู้ตายซื้อ โดยสามารถยึดมาได้ทั้งหมด รวมทั้งบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของผู้ตาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของบุคคลอื่นที่ตรวจพบนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน

ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามประเด็นที่ว่า เหตุใดผู้ก่อเหตุถึงนำเงินและทรัพย์สินของผู้ตายไปขายหรือมาใช้ส่วนตัวนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่า เนื่องจากทำธุรกิจร่วมกันกับผู้ตาย ดังนั้น ทรัพย์สินของผู้ตาย จึงเสมือนว่าตนเองเป็นเจ้าของร่วม เพราะสร้างมาด้วยกัน

ส่วนที่ว่าผู้ต้องหาได้ตระเตรียมการวางแผนเพื่อมาก่อเหตุฆาตกรรมนายไพศาลโดยตรงหรือไม่นั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวนทางคดี แต่เบื้องต้นอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาเตรียมมาเอง แต่ตอนนี้ยังไม่พบอาวุธมีด อยู่ในระหว่างการค้นหา ส่วนบาดแผลที่มากถึง 15 แผลนั้น เบื้องต้นทราบว่า เป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้ต้องหาและผู้ตายตามที่ปรากฏร่องรอยบาดแผลที่มือของผู้ต้องหา แต่จะเป็นการแทงเพื่อข่มขู่หรือบีบบังคับให้ผู้ตายบอกข้อมูลบางอย่างแก่ผู้ต้องหาหรือไม่นั้น รวมทั้งใครเริ่มต่อสู้ใครก่อน อยู่ในระหว่างการขยายผล

สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ทำไมผู้ต้องหาต้องสวมรอยใช้ LINE ของผู้ตายในการแชทพูดคุยกับหลานสาวของผู้ตายนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้และต้องสอบสวนเพิ่มเติม เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องโทรศัพท์ 2 เครื่อง ก็อยู่ในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมอยู่

ทั้งนี้ จากข้อมูลการสอบสวน พบว่า ขณะที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมอยู่ที่บ้านที่ จ.ชุมพร นั้น ผู้ต้องหาได้พยายามทำลายหลักฐาน ด้วยการนำเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุมาเผาภายในสวนหลังบ้านของผู้ต้องหาเอง ซึ่งทางผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปชี้จุดและเก็บซากเสื้อผ้ามาส่วนมาเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีนี้

โดยทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด พร้อมดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ได้แก่ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน / ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะ และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีในวันนี้ (2 มิ.ย.) ก่อนเที่ยง

-------------------------------------

เปิดใจ ‘โฟโต้’ สำนึกผิด-ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

ขณะที่ตำรวจพานายภูริณัฐ เข้าห้องน้ำที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายภูริณัฐ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนแรกรู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ตนเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครฝ่ายไหนก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตอนนี้อยากขอโทษผู้เสียชีวิต ญาติผู้เสียชีวิต และคนรอบตัวที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้

ด้าน นายพิสิษฐ์ ทนายความ กล่าวว่า จากการสอบสวนน้องเป็นคนยอมรับที่เป็นคนฆ่า ลงมือทำร้ายผู้ตายให้เสียชีวิต ส่วนเรื่องมูลเหตุพฤติกรรมภายในห้องยังเป็นรายละเอียดอยู่ในสำนวน และแรงจูงใจยังอยู่ในสำนวนเช่นกัน ทางผู้ต้องหากระทำความผิดแล้ว ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาคนรุ่นใหม่อยากประกอบธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่อยากเป็นลูกจ้าง แต่เมื่อทำธุรกิจมาเจอปัญหาเพราะวุฒิภาวะยังมีไม่มากพอ ประสบการณ์ชีวิตไม่มี ยิ่งแก้ปัญหายิ่งยุ่ง ทำให้เกิดปัญหาและความรุนแรง ไม่ปรึกษาครอบครัว ไม่ปรึกษาคนอื่น ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ส่วนเรื่องประกันตัวยังไม่ได้มีการยื่น เพราะจะต้องมีการคัดค้านการประกันตัวเพราะเป็นเคสที่รุนแรง และเป็นข่าว เรื่องการประกันตัวจะเป็นดุลพินิจของศาลก็จริง แต่การยื่นประกันอาจจะไม่เกิดประโยชน์กับน้อง การที่ให้น้องเข้าไปเรือนจำก่อนในระหว่างการสอบสวน อาจจะไม่ต้องเจอผลกระทบอะไรมาก จะทำให้เขาสงบลง  

-----------------------------------------

พ่อมือมีดรุดเยี่ยม กราบขอโทษแทนลูก เผยลูกไม่เคยเล่าเรื่องงานให้ฟัง ที่ผ่านมาเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยส่อพฤติกรรมรุนแรง

นายพรชัย อายุ 62 ปี พ่อของผู้ต้องหา เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อเยี่ยมลูกชาย โดยนำน้ำ และขนมมาให้ด้วย โดยพ่อของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับลูกมาก เบื้องต้นลูกชายมีความเครียด แต่ทำผิด ตนก็ต้องยอมรับในส่วนที่ทำผิด

ส่วนกรณีที่ลูกอ้างว่าถูกโกงเงินนั้น ตนก็เชื่อ แต่ไม่รู้รายละเอียด ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ โดยปกติลูกจะอาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัว งานหลักคือทำธุรกิจ เปิดบริษัทส่งออกผลไม้ เพราะที่บ้านคุณแม่ที่ชุมพรมีสวนผลไม้ ซึ่งธุรกิจก็เป็นไปด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เงินที่ยืมแม่นั้น ก็จะมีการยืมเป็นปกติอยู่แล้ว ลูกจะขอเงินแม่บ่อย

ส่วนกับผู้เสียชีวิต ครอบครัวไม่เคยรู้จัก ลูกไม่เคยพูดถึงให้ฟัง เวลาลูกไปทำธุรกิจ ก็จะออกจากบ้านไปครั้งละหลายๆ วัน พ่อแม่ก็ไม่เคยไปถามว่าไปอยู่ที่ไหนอย่างไร

ทั้งนี้ หลังลูกชายออกจากบ้านไปก่อนเกิดเหตุ ตนก็ไม่ได้เจอ และไม่ได้ติดต่อกับลูกอีกเลย จนกระทั่งคุณแม่เขาเห็นข่าว ก็มาถามตนว่า ทำไมถึงเหมือนลูกเราจังเลย พอตนไปดูข่าวช่อง 3 ก็รู้สึกว่าเหมือนจริงๆ คุณแม่เขาก็พยายามถามตลอดว่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ไหม แต่ลูกชายก็ปฏิเสธ ใจพ่อกับแม่ก็กังวล เพราะคิดว่าอาจจะใช่ แต่อีกใจหนึ่งก็ขอให้ไม่ใช่ลูกจริงๆ ให้จับคนร้ายตัวจริงได้ จะได้จบ

โดยที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมอะไรที่ส่อไปในทางที่จะใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องสภาพจิตใจตนไม่ทราบ แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ลูกชายเกิดอุบัติเหตุ รถมอเตอร์ไซค์โดนชนที่จังหวัดเชียงใหม่ กระดูกคอหัก 3 ท่อน แต่รอดมาได้ ตอนนี้ก็รักษาจนใช้ชีวิตได้ แต่ถ้าสังเกตเวลาเดิน เขาจะก้มคอตลอดเวลา โดนกระทบกระเทือนรุนแรงไม่ได้

นายพรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวก็ตกใจ และเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังเกิดเหตุยังไม่มีโอกาสได้คุยกันกับครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ตั้งใจจะเดินทางไปขอขมาศพแน่นอนถ้ามีโอกาส ซึ่งลูกชายก่อเรื่องไปแล้วคงไม่ได้ออกมาพูดอะไรแต่ตนในฐานะพ่อ ขอกราบขอโทษกับเหตุการณ์ที่ลูกทำไป ขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต ขอโทษตำรวจที่ต้องเหนื่อยทำงานตามคดีนี้ และขอโทษประชาชนทุกคน ตอนนี้ลูกได้รับโทษแล้ว และตนก็คงบอกให้เขาเข้มแข็ง


https://youtu.be/v_rWwr25mA8

คุณอาจสนใจ

Related News