เลือกตั้งและการเมือง

'ภูมิธรรม' ยันข้าว 10 ปี ส่งออกอย่างเดียว ไม่แบ่งขายในประเทศ - ปราชญ์เกษตรเผย เอาไปเลี้ยงสัตว์ยังไม่เหมาะ

โดย thichaphat_d

10 พ.ค. 2567

59 views

วานนี้ (9 พ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการออกมาแสดงความ เป็นห่วงข้าวหอมมะลิในโครงการรับนำจำข้าวว่า อาจมีสารปนเปื้อนทำให้เกิดมะเร็งได้ ว่า


ตนเองได้พิสูจน์ให้เห็นในขั้นตอนแรกว่า สภาพกายภาพข้าวยังอยู่ดี แม้สีจะเปลี่ยนไปบ้าง คุณภาพไม่เหมือนข้าวใหม่ และสามารถรับประทานได้ จึงขออย่าดรามาเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเพียงการสรุปสภาพทางกายภาพของข้าว


และหากใครต้องการจะตรวจสอบ ก็สามารถมาตรวจสอบได้ และในการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ก็มีทั้งสื่อมวลชน ข้าราชการ รวมถึงเซอเวย์เยอร์ ที่เป็นผู้ลงทะเบียนตรวจข้าวไปต่างประเทศ ที่ต่างชาติยอมรับตามมาตรฐาน รวมถึงผู้ส่งออก และโรงสีต่าง ๆ ที่มั่นใจว่า สามารถทำได้ และพร้อมประมูล ซึ่งในกระบวนการส่งออก เอกชนมีขั้นตอนในการปรับปรุงข้าว


ส่วนจำเป็นจะต้องให้สาธารณสุข หรือนักวิชาการใด ๆ ตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะการวิจารณ์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ กับข้าวกว่า 150,000 กระสอบ พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ท้าทายใคร เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ที่ตนควรจะทำ เพื่อเตรียมเปิดประมูลให้ได้ราคาในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ และหากยังดราม่ากันไม่จบก็กังวลว่า จะไม่สามารถประมูลได้


นายภูมิธรรม ยังขอให้เชื่อว่า ประเทศที่รับซื้อ หรือผู้ค้า-ผู้ส่งออก เจ้าของโรงสี ไม่นำข้าวเน่าไปขายแน่นอน และหากจะขายต้องมั่นใจ มิเช่นนั้น ขายไปแล้วก็จะไม่มีใครมาซื้ออีก และประเทศที่รับซื้อ ก็จะต้องตรวจสอบรับอย่างเต็มที่ จึงขออย่าดรามาไปมากกว่านี้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ตนก็เคารพ เพราะตนได้ทำตามขั้นตอนกระบวนการแรกเสร็จสิ้นแล้ว


ส่วนข้าวดังกล่าวจะประมูลเพื่อการส่งออกเพียงอย่างเดียว หรือประมูลเพื่อจำหน่ายบริโภคในประเทศนั้น นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ส่งออกอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกา 15,000 ตัน จึงต้องเป็นการประมูลยกกองทีเดียว ไม่แบ่งขายในประเทศ หรือนอกประเทศ


นายภูมิธรรม ยังชี้แจงกรณีที่เคยมีผู้ชนะการประมูลข้าวดังกล่าวไปแล้ว แต่ไม่มานำข้าวออกไป ว่า เกิดขึ้นจริง 4-5 ครั้ง แล้ว เพราะราคาข้าวในครั้งนี้สูงมาก เมื่อประมูลแล้วราคากลับตก หากรับไปก็จะต้องขาดทุน ดังนั้น จึงเกิดการฟ้องร้องกัน โดยองค์การคลังสินค้า ยังอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง จึงยืนยันว่า ที่ผู้ประมูลทิ้งข้าว ไม่ใช่เพราะข้าวเน่า แต่เพราะราคาข้าวในปีดังกล่าวตก


และการประมูลในครั้งนี้ ตนก็จะเขียนกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน ให้ผู้ที่ให้ราคาสูงสุด 5 อันดับแรก มีสิทธิชนะการประมูลข้าว เผื่อกรณีที่มีผู้สละสิทธิ์ และสามารถไปตรวจสอบคุณภาพข้าวก่อนได้ ซึ่งข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวนี้ ไม่มีค้างข้างสต๊อกในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว และโกดังดังกล่าวที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ก็เป็นเพียง 2 โกดังสุดท้าย ที่เหลือ


เมื่อถามว่า มีการประเมินเบื้องต้นหรือไม่ว่า ข้าวในโกดังดังกล่าว หากประมูลแล้วจะมีมูลค่าประมาณเท่าไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ ราคาข้าวอยู่ที่ 30 กว่าบาท ประมาณว่าสักครึ่ง ก็อยู่ที่ 15 บาท เป็นการประเมินให้เข้าใจภาพเท่านั้น สุดท้ายประมูลที่เท่าไหร่ก็ต้องไปดู เพียงแต่ตนประเมินว่าครึ่งหนึ่งก็น่าจะได้ ส่วนจะเปิดซองเมื่อไหร่นั้น ถ้าให้ตนคาดแต่ถึงเวลาอย่ามาบอกว่าไม่ทำนะ ตนว่า ต้น มิ.ย.น่าจะทำได้ แต่ทุกอย่างต้องยุติก่อน ถ้ายังมีคนตั้งคำถามว่ามันเน่ามันเสีย จะประมูลได้อย่างไร และสุดท้าย คนจะประมูลเขาก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว


และเราตั้งใจขายข้าวให้ได้ข้าวมาตรฐาน โดยจะเปิดประมูลขาย ซึ่งเราทดสอบเบื้องต้นให้คนที่เกี่ยวข้องมาดูก็บอกว่าน่าจะทำได้ และเวลาประมูลก็ต้องมีกรรมการขึ้นมาประกาศ ตนไม่คิดจะล็อกให้ใคร ใครก็ได้ที่ประมูลได้เวลาสูงสุด รอดูตอนนั้นดีกว่า


เมื่อถามว่า การประมูลที่เกิดขึ้น จะเป็นการส่งออก หรือขายในประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่งออกก็ไม่พอแล้ว ตลาดแอฟริกาก็ไม่พอ เราถึงจะประมูลยกกองเอาไปทีเดียว จะได้จบ 

---------------
นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีเผยแพร่ข่าวว่า ข้าวเก่า 10 ปี ยังมีคุณภาพ ว่า


สวนทางกับข้อเท็จจริง และ อธิบายว่า กระบวนการที่จะรักษาคุณภาพข้าวได้ยาวนาน ต้องอยู่ภายใต้หลักการที่มีอยู่ 2 วิธี


วิธีแรก คือการแทนค่าออกซิเจนด้วยคาร์บอนไดออกไซก์ หรือไนโตรเจน เพื่อลดกระบวนการออกซิเดชั่น หรือกระบวนการย่อยสลายตัวเองตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับอาหาร หรือพืชทุกชนิด


วิธีที่สอง คือต้องใช้กรรมวิธีการเอาไปแช่แข็งที่อุณหภูมิ -15องศาเซลเซียส แต่เมื่อดูจากข่าวการเปิดโกดังเก็บข้าวสารเมื่อวานนี้แล้ว ก็ทำให้กังวลอยู่ว่า คุณค่าทางอาหารอาจถูกย่อยสลายตามธรรมชาติแล้ว ซึ่งอาจทำให้ข้าวที่นำมารับประทานไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว


นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล กล่าวว่า ผมมั่นใจในเชิงวิชาการ ไม่ใช่เชิงการเมือง ว่า เป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะบอกว่าเป็นข้าวที่ยังทรงไว้ซึ่งความมีคุณภาพ


นอกจากนี้ ยังมองว่า การนำข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกเก็บไว้นานกว่า 10 ปี ออกมาประมูล อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคุณภาพข้าวไทย เพราะ อาจทำให้คู่ค้าอาจเกิดความไม่มั่นใจได้


พร้อมอธิบายเพิ่มว่า เมื่อดูจากการเปิดโกดังเก็บข้าวสารเมื่อวานนี้แล้ว ก็ทำให้กังวลอยู่ว่าคุณค่าทางอาหารอาจถูกย่อยสลายตามธรรมชาติแล้ว ซึ่งอาจทำให้ข้าวที่นำมารับประทานไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ


อีกทั้ง การรมควันเพื่อกำจัดมอด เป็นการใช้สารเคมี ที่จำเป็นจะต้องใช้อย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เพื่อยุติการเติบโตของมอด แต่การทำมานานถึง 10 ปี ย่อมต้องมีอันตราย หรือการตกค้างของสารเคมีที่เป็นพิษหลงเหลืออยู่อย่างแน่นอน


ซึ่งการที่จะนำข้าวที่จัดเก็บ และผ่านการใช้สารเคมี และผ่านกระบวนการการรมควัน เพื่อกำจัดและยุติการเติบโตของมอด มีอันตรายแน่นอน ซึ่งไม่เหมาะอย่างแน่นอน เพราะจะมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ที่ไม่เหมาะที่จะนำมาบริโภค สำหรับสิ่งที่ชีวิต แม้แต่จะนำกลับมาให้คนบริโภค หรือเลี้ยงสัตว์


ซึ่งตนยังเห็นว่า แม้แต่การนำไปเลี้ยงสัตว์ ก็ยังไม่เหมาะสม เพราะสารพิษก็จะตกค้างในเนื้อสัตว์ ซึ่งไม่ควรทำ และมันจะส่งผลมาถึงคนที่เอาเนื้อสัตว์ไปบริโภคด้วย


ซึ่งหากจะใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็น่าจะนำไปใช้อย่างอื่น เช่น นำไปใช้ทำเป็นเยื่อกระดาษ ยังน่าจะดีกว่า

-------------

นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกฯ กล่าวถึงกระแสตอบรับ ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กับคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐ และเอกชน เดินทางไปตรวจโกดังข้าวที่เก็บไว้ 10 ปี แต่สภาพข้าวยังดีอยู่ ว่า


สภาพข้าวที่ปรากฏออกมาต่อนักวิชาการ และสื่อมวลชน ที่ไปร่วมตรวจสอบโกดังข้าวดังกล่าวนั้น ไม่หืน ไม่เหม็น และสามารถรับประทานได้ จึงมีการรับประทานโชว์ออกสื่อ ซึ่งเป็นการขุดบ่อล่อตัวกินปลาได้เป็นอย่างดี เพราะได้ทำให้หลายฝ่ายออกมากระโดดโหยงเหยงกันเต็มไปหมดเลย ทั้งนักการเมือง โรงสี คนซื้อข้าว โกดังข้าว กลุ่มคนที่สนับสนุนการเมืองคนละซีกกับพรรคเพื่อไทย ได้แสดงตัวออกมาเสนอหน้าคัดค้าน และโจมตี จึงขอให้สังคมจดจำไว้ว่ามีใครบ้าง เพราะนี่แค่ยกหนึ่ง ยังมีตัวละครที่จะออกมาต่อจิ๊กซอว์ให้สังคมเห็นธาตุแท้อีกมาก


นายพายัพ กล่าวว่า ตัวเลขต้นทุน และกำไร ค้าข้าวในโกดัง ที่นายภูมิธรรมไปตรวจครั้งนี้ เป็นข้าวดีในกระสอบ 15,000 ตัน ถ้าขายเป็นข้าวดีที่สามารถนำมารับประทานได้ โดยเอาไปขัดให้ข้าวขาวเสียหน่อย จะสามารถฃื้อขายจากโกดังได้ถึงกิโลกรัมละ 12-15 บาท หากคิดกลาง ๆ กิโลกรัมละ 14 บาทก็จะได้ราคา 210,000,000 บาท นี่ถือเป็นต้นทุนการตลาดที่รัฐขายได้


แต่ถ้าพูดกันว่า เป็นข้าวในโกดังที่เก็บอย่างดีกินได้เหล่านี้ กลายเป็นข้าวเน่าข้าวเสีย ราคาก็จะถูกลงเกินครึ่งหนึ่ง เหลือแค่กิโลกรัมละ 5 บาท และอาจได้เพียง 75,000,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นความเสียหาย แน่นอนว่า มีคนต้องทำให้ข้าวดีกลายเป็นข้าวเน่า เพื่อทำให้ราคาถูกลงอย่างแน่นอน คนพวกนี้ต้องการหากำไร โดยใช้ลมปากทำลายความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และเงินที่รัฐควรจะได้


นายพายัพ กล่าวอีกว่า โครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มาขายสมัยรัฐบาลทหารก็ทำเช่นนี้ คือการพยายามพูด พยายามออกข่าวว่าข้าวในโกดังเสีย เป็นข้าวเน่า แต่เวลาประมูลแย่งกันซื้อในราคาถูก ด้วยการอ้างว่าจะเอาไปเลี้ยงสัตว์ เพราะคนกินไม่ได้ แต่สุดท้ายแย่งกันซื้อหมดโกดัง


คนที่บอกว่า โกดังตัวเองไม่รับซื้อเพราะข้าวเสื่อมสภาพ ก็มาร่วมประมูลซื้อด้วยในท้ายที่สุด ดังนั้น วันนี้ คนไทย และสังคมโลก จะต้องรู้ความจริงว่า ขบวนการค้าข้าวในโกดังที่ผ่านมา แท้จริงแล้วขายข้าวดีเป็นข้าวเน่า เป็นเรื่องการละครตบตาสังคม เพราะสุดท้ายเอาทั้งกำไร และได้ทำลายล้างกันทางการเมืองอีกด้วย

-------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/3IboA5ugABw

คุณอาจสนใจ

Related News