รัฐบาลทหารเมียนมาระงับการออกใบอนุญาตให้ผู้ชายไปทำงานต่างประเทศ

รัฐบาลทหารเมียนมาระงับการออกใบอนุญาตให้ผู้ชายไปทำงานต่างประเทศ หลังบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารฉบับใหม่

เมื่อวานนี้ (2 พ.ค. 67) กระทรวงแรงงานของเมียนมาได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า กระทรวงฯ ได้ระงับการพิจารณาเอกสารให้กับพลเมืองชายที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า "เพื่อเพิ่มเวลาในการตรวจสอบกระบวนการการเดินทางออกนอกประเทศ และขั้นตอนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น"

ทั้งนี้ การประเมินขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) ระบุว่า ในปี 2563 ชาวเมียนมาเดินทางออกไปทำงานต่างประเทศมากถึง 4 ล้านคน

คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลัง รัฐบาลทหารเมียนมาได้บังคับใช้กฎหมายการเกณฑ์ทหารฉบับใหม่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากพากันไปขอวีซ่าตามสถานทูตต่างประเทศในนครย่างกุ้งเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่บางส่วนก็อพยพข้ามพรมแดนเข้ามาในไทยเพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

สำหรับกฎหมายการเกณฑ์ทหารถูกบัญญัติขึ้น โดยรัฐบาลทหารชุดก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2553 แต่ไม่เคยบังคับใช้เลย ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทหารเมียนมาบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้

ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ระบุว่า กองทัพเมียนมาสามารถเรียกผู้ชายที่มีอายุ 18 - 35 ปี และผู้หญิง 18 - 27 ปี เข้ารับการเกณฑ์ทหาร อย่างน้อย 2 ปี แต่หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถขยายระยะเวลาออกไปได้ถึง 5 ปี และคนที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกจำคุกเป็นระยะเวลา 5 ปี

โฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมาอ้างว่า กฎหมายการเกณฑ์ทหารเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ ที่จะต้องต่อสู้กับกองกำลังป้องกันประชาชน หรือ PDF และกลุ่มติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยที่มีมาอย่างยาวนาน

แม้กองทัพจะมีความสามารถฝึกทหารได้เพียง 50,000 คนต่อปี แต่โฆษกของรัฐบาลอ้างว่า มีพลเรือนที่มีสิทธิ์ถูกเรียกตัวเข้ารับการเกณฑ์ทหารมากถึง 13 ล้านคน

ทั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศใช้มาตรการภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่เกิดรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และเพิ่งมีการขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากการสู้รบยังคงดุเดือด ซึ่งกลุ่มสังเกตการณ์ในท้องถิ่นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามผู้เห็นต่าง หลังรัฐประหารแล้วมากกว่า 4,900 คน และถูกจับ 26,000 คน