สังคม

อดีตผู้บริหารหญิง งัดคลิปสู้ บอกโดน ตร.ชกหน้าจนมึน ชี้อีกฝั่งตัดต่อคลิป เตรียมพิสูจน์ความจริงในศาล

โดย nattachat_c

3 พ.ค. 2567

26 views

เปิดคลิปนาที อดีตผู้บริหารหญิงบอก ตร. ชกหน้า ก่อนที่ ตร.บอก “ก็เขาถีบผม” เจ้าตัวยัน ถูกชกด้วยกำปั้นเข้าแก้มซ้ายจนมึน มอง อีกฝ่ายตัดต่อคลิป ปล่อยออกมาไม่หมด เชื่อหากถึงชั้นศาล แล้วเปิดคลิปทั้งหมดวันนั้นความจริงจะปรากฏ


จากกรณี อดีตพนักงานสาวบริษัทดังระดับโลก ก่อเหตุเมาแล้วขับ แล้วขัดขืนเจ้าหน้าที่ถึงขั้น 'ถีบหน้า' พันตำรวจโทดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด่าตำรวจว่า 'ชั้นต่ำ'    


วานนี้ (2 พ.ค. 67) ทีมข่าวได้คลิปในรถบางส่วน ซึ่งเป็นอีกมุมจากแหล่งข่าวท่านหนึ่ง ความยาว 27 วินาที


ซึ่งจากคลิปจะเห็นว่า พนักงานสาวท่านนี้พูดในรถว่า “ตอนนี้ต้องไป สน. ตอนนี้มันล็อกอยู่แบบนี้ แล้วเมื้อกี้มันก็ชกหน้าด้วยค่ะ ก่อนจะแพลนกล้องไปยังชื่อของตำรวจ


จากนั้นนายตำรวจคนนี้บอกว่า “เมื่อกี้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน พนักงานสาวสาวสวนทันทีว่า “เมื่อกี้มันก็ทำร้ายเหมียวค่ะ มันชกหน้าเหมียว” ซึ่งตำรวจบอกว่า “ก็เขาถีบผม” ก่อนที่คลิปจะตัดไป


ซึ่งวันก่อนคุณเหมียว พนักงานสาวสาว ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนช่วงหนึ่ง ระบุว่า “ตัวเธอเองก็รู้สึกเหมือนมีของแข็งกระแทกที่ใบหน้าเหมือนกัน ระหว่างถูกนำตัวขึ้นไปบนรถ”


ต่อมาทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้คุยกับคุณเหมียว ถึงคลิปล่าสุดที่มีการเผยแพร่กันในขณะนี้ เจ้าตัว เล่าย้อนถึงเหตุการณ์อีกครั้งว่า ก่อนขึ้นรถ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ  3 คน บีบ และล็อก ซึ่งขณะนั้นก็รู้สึกเจ็บมากอยู่แล้ว จากนั้น ผลักตัวเราขึ้นรถ และรวบขาทั้งสองข้างไว้ พร้อมกับกดตัวเราในท่ากึ่งนั่ง กึ่งนอน


ความรู้สึกตอนนั้นคือมองว่าไม่ใช่แล้ว โทษของเราเมาแล้วขับ แต่วิธีการที่เขาทำกับเรามองว่ารุนแรง และเกินกว่าเหตุ หากช่วงมีจังหวะที่เขาโน้มตัวลงมาซึ่งเรามองว่าไม่ปลอดภัยแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองจึงเป็น สัญชาตญาณว่าเราต้องป้องกันตัวเอง เราจึงดิ้น และถีบออกไป เพียงเพราะว่าอยากปลดล็อกขาตัวเอง


ขณะเดียวกัน จังหวะที่ขาเราไปโดนร่างกายคู่กรณี แต่ไม่รู้ว่าเป็นส่วนไหน ทันทีที่เราไปโดนเขาปุ๊บ เขาชกเราด้วยกำปั้นอย่างรุนแรงที่ตรงโหนกแก้มข้างซ้าย จังหวะนั้นเรามืดไปชั่วขณะเลย อีกทั้งได้เขามากด และบีบตัว จนหายใจไม่ออก


ทั้งหมดนี้ ขอยืนยันว่า มีการทำร้ายร่างกายตัวเองจริง เพราะว่าการจับกุมผู้หญิงที่ถูกล็อกกุญแจมืออยู่ด้านหลัง จำเป็นต้องใช้กำลัง หรือต้องทำรุนแรงขนาดนี้ ในขณะที่เราเองก็ไม่มีแรงสู้ ส่งผลให้การกระทำ คำพูดของตัวเอง หลังจากนั้น เป็นการกระทำที่สื่อว่าอีกฝ่ายทำกับเราในรถมันแย่มาก


พร้อมกันนี้ มีข้อมูลว่าตำรวจที่ปฏิบัติงานหนักขนาดนั้นบอกว่าเป็นแค่เป็นการพยายามระงับเหตุ เพราะระหว่างทางไป สน.ประเวศ ผู้ต้องหาดิ้น และพยายามจะถีบตำรวจอยู่ตลอด จึงต้องเอามือห้าม แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่การใช้กำปั้น หรือต่อย เป็นการระงับเหตุตามยุทธวิธี


เรื่องนี้ คุณเหมียว  ย้ำว่า “มันไม่ใช่มือห้ามหรือมือปัด แต่มันเป็นกำปั้นหมัด ชกมาที่หน้า ตรงมาที่โหนกแก้มข้างซ้าย ซึ่งตอนนั้น แรงมากเต็มแรงเลย จนมึน และนิ่งไปขณะหนึ่ง”


คุณเหมียว กล่าวว่า การที่ประชาชนที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับเมาแล้วขับ ถูกเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบรุมทรีทเราแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องทำแบบนี้ นอกเหนือจากว่าเขามีอะไรปิดบังหรือไม่ แล้วคลิปที่ปล่อยออกมาทั้งหมดเป็นการตัดต่อทั้งสิ้น และเป็นการเลือกที่จะนำเสนอก็เห็นแค่มุมเดียว


ทั้งนี้ อยากเตือนสติคนที่เสพสื่อว่าคลิปเป็นแค่วัตถุดิบ เอามาปรุงแต่ง และเลือกที่จะฉายภาพอะไรก็ได้ สามารถทำดีให้เป็นเลว ทำเลวให้เป็นดีก็ได้ คิดดูว่าการกระทำแบบนี้ทำโดยตำรวจที่รักษากฎหมาย สังคมนี้จะเป็นอย่างไร ตนรู้สึกว่าน่ากังวลและน่าเป็นห่วงมาก ๆ


พร้อมกันนี้ มองว่า หากอีกฝ่ายตั้งใจตัดต่อ และปล่อยคลิปออกมาแบบนี้ ตนมองว่า ไม่ใช่เจตนาที่ดีแล้วอีกอย่างเราไม่มีวัตถุดิบแบบเขา สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ รอเข้ากระบวนการชั้นศาล ตอนนั้น ศาลต้องให้อีกฝ่ายปล่อยคลิปที่ไม่ได้มีการตัดต่อออกมา เราจะสามารถเขาถึงหลังฐาน และยืนหยัดในสิ่งที่เราพูดได้ตอนนั้นความจริงถึงจะปรากฏ


จริง ๆ แล้ว ในข้อหาเมาแล้วขับ ตนยอมรับสภาพอยู่แล้ว ซึ่งตนได้ออกมาขอโทษทุกคนแล้ว อีกอย่างมีการพยายามยอมความ และขอโทษคู่กรณี ในสิ่งที่ได้ทำไปทั้งหมดแล้วด้วย

----------

ทีมข่าวไปสอบถาม พ.ต.ท. ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร บอกว่า การไปให้สัมภาษณ์อะไร ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ตอนนี้ คดีกำลังจะเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว ทางตำรวจขอไม่ตอบโต้ หากมีหลักฐานอะไร ก็ให้นำไปต่อสู้กันในชั้นศาล

----------

วานนี้ (2 พ.ค. 67) พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า

คดีเก่าข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 65 เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีการสั่งฟ้องถือว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนคนเก่าที่อยู่ สน.ประเวศ แต่ปัจจุบันย้ายไปอีก สน.หนึ่ง ซึ่งอยู่คนละกองบังคับการกัน ทำให้ตนเองต้องทำหนังสือรายงานส่งไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพราะอยู่นอกอำนาจ บก.น.4 จึงต้องให้ ผบช.น. เป็นผู้พิจารณาสั่งการ และตรวจสอบว่าการทำสำนวนไม่เรียบร้อย ทางผู้บังคับบัญชาก็จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย


ผบก.น.4 กล่าวว่า สำหรับคดีที่ไม่เรียบร้อย และไม่ส่งฟ้องนั้น ขณะนี้ ได้ประสานผู้ต้องหาว่า จะมีการนำไปส่งฟ้องในวันที่ 10 พ.ค. 67 นี้ ส่วนเรื่องความไม่เรียบร้อยของสำนวนคดี ถือว่ามีความผิดพลาด ส่วนจะพิจารณาอย่างไรก็ขึ้นอยู่คณะกรรมการตรวจสอบ พร้อมกับยืนยันว่า ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับสำนวนแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องเล็ก แต่อาจเป็นเพราะพนักงานสอบสวนประมาท หรือขี้เกียจ

-------------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/d-ITKheWr6Q

คุณอาจสนใจ

Related News