สังคม

เปิดคลิปบนรถ 'อดีตพนง.หญิง' ลั่นถ้าเมาคงไม่ถีบหน้า ตร.โต้คดีปี 65 ยันไม่เคยโทรจบคดี

โดย nattachat_c

2 พ.ค. 2567

24 views

จากเหตุการณ์ อดีตพนักงานหญิงบริษัทดังระดับโลก ก่อเหตุเมาแล้วขับ ต่อสู้ขัดขวาง ถึงขั้นถีบหน้า พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด่าเจ้าหน้าที่ว่า 'ชั้นต่ำ'


วานนี้ (1 พ.ค. 67) คุณมนธ์สินี หรือเหมียว ได้เปิดใจ และเล่าเรื่องราวคืนวันเกิดเหตุ หลังมาชี้แจงในรายการโหนกระแสกับทีมข่าวว่า


ตนเองยอมรับในส่วนที่ผิด คือดื่มเกินปริมาณ แต่ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่าง ที่ตนเองแสดงความจริงใจมาตลอด ทั้งทางฝั่งคู่กรณี ซึ่งเป็นระดับรองผู้กำกับการ ตนก็มีการติดต่อไปขอโทษเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวบอกกับตนว่าไม่ให้บอกกับสื่อว่าได้ขอโทษแล้ว ตนเองจึงเคลือบแคลงใจว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่คุยกับตนเองกับคุยกับสื่อ มันคนละอย่างกัน


และตนเองงงมาก ว่าทำไมจู่ๆ จึงเป็นข่าว ทั้งที่มีการขอโทษขอโพยไปแล้ว แต่หลังจากวางสายไป 10 นาที กลับมีคลิป body camera ของตำรวจเผยแพร่ออกมา ตนจึงโทรศัพท์กลับไปสอบถาม ซึ่งคู่กรณีก็บอกว่าตนเองต้องส่งคลิปไปให้ตำรวจ สน.ประเวศ ประกอบสำนวน ทำให้ตนค่อนข้าง งง ว่ามีเจตนาอะไร


คุณเหมียว ยังเล่าย้อนกลับไปในคืนเกิดเหตุว่า ที่เรื่องราวกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นเพราะหลังจากที่ตนเองเป่าวัดแอลกอฮอล์แล้ว ตำรวจกลับให้เดินไปหาชายสองคน ที่นั่งอยู่ใกล้กับมอเตอร์ไซค์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดตรวจประมาณ 10 เมตร ซึ่งตนเองยอมรับว่า ขณะนั้นรู้สึกกลัว และไม่รู้ว่าจะให้ตนเองไปที่รถมอเตอร์ไซค์เพื่ออะไร พอไปถามมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน ตนเองเป็นผู้หญิง และดึกแล้ว เลยทำให้กลัว จึงเดินกลับไปสอบถามว่าทำไมต้องให้เดินไปหา นี่คือประเด็นที่ตนเองเคลือบแคลงสงสัย และยังไม่ได้คำตอบ


จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ตามคลิปที่ปรากฏ คือทางเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการจับกุมตนเอง ซึ่งตนเองก็ต้องการให้ชี้แจงว่า ทำไมจึงให้เดินไปที่มอเตอร์ไซค์


ระหว่างนั้น ตนจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพ เพื่อดูรีแอคของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เหมือนพูดตามบท ตนเองยอมรับว่าในเมื่อยังไม่ได้คำตอบ ก็จะไม่ไปไหน จึงมีการพยายามสอบถาม จากนั้น เริ่มมีการพยายามคุมตัวไปขึ้นรถ จะขอใส่กุญแจมือ ก็มีการจับตัว และให้ขึ้นรถของทางเจ้าหน้าที่


เมื่อไปอยู่ที่บริเวณที่นั่งด้านหลัง ตนก็อยู่ในท่าทางที่ไม่สบายตัว หายใจไม่สะดวก ประกอบกับก่อนหน้านี้ ที่เคยเป็นโควิดทำให้หายใจไม่สะดวกอยู่แล้ว ซึ่งตนเองรู้สึกเจ็บด้วย จึงพยายามที่จะคลายล็อก ทำให้เท้าไปถีบโดนอะไรบางอย่าง ยืนยันว่า ไม่ได้เจตนาว่าจะถีบตรงไหน แต่แค่อยากให้อยู่ในท่าทางที่นั่งให้สบายกว่านี้ ยอมรับว่า รู้ว่าเท้าไปโดนคู่กรณี แต่ไม่รู้ว่าโดนที่ไหน และไม่ได้ตั้งใจ


ที่ตนเองตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมคลิปของทางเจ้าหน้าที่จึงปรากฏออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ทำไมไม่มีภาพขณะที่ตนเองเป่าวัดแอลกอฮอล์ มีเพียงตอนที่กำลังจะจับกุม และตัดภาพไปอีกทีคือที่ สน.ประเวศ ซึ่งไม่มีภาพบรรยากาศในรถ ที่มันมีเรื่องราวเกิดขึ้น


แต่ตนไม่อาจจะพูดอะไรมากได้ เพราะอาจจะเป็นเรื่องคดี แต่บอกเพียงว่า ขณะถูกจับกุมในรถ ตนก็โดนอะไรบางอย่างเข้าที่ศีรษะ แต่ไม่ขอเปิดเผยอะไร บอกกับทีมข่าวเพียงว่า “เหมียวมีใบรับรองแพทย์แล้วกันค่ะ”


ส่วนที่บางช่วงในคลิปมีการพูดว่า 'ชั้นต่ำ' นั้น ยืนยันว่า มันมีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเยอะ ที่ตนเองถูกกระทำ และไม่เป็นธรรม


ทั้งนี้ หลังคืนวันนั้น ตนเองก็ไม่พูดอะไรมากอีกเลย ยอมรับว่าห่วงความปลอดภัย


ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ข้องใจคือ ทำไมคดีนี้ จึงถึงโยงไปถึงคดีเมื่อปี 2565 ทั้งที่ตนไม่ได้ถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ ตนเองรู้สึกงงว่าถูกดึงมาได้อย่างไร ซึ่งตนเองมั่นใจว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว และไม่ได้มีประเด็นอะไรเลย แต่ในเมื่ออยากจะรื้อขึ้นมา ตนก็ให้ความร่วมมือ


คุณเหมียวเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่าวันนั้น เป็นช่วงโควิดระบาด ตนเองไม่ได้ดื่ม  พอมาเจอด่านตรวจ ตนเองจึงเอาเอทิลแอลกอฮอล์ที่พกติดตัว มาพ่นใส่ที่เป่าวัดแอลกอฮอล์หลายครั้ง หลังจากการเป่า จึงทำให้มีปริมาณแอลกอฮอล์ 69 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนั้น ก็ได้ชี้แจงกับพนักงานสอบสวน และส่งขวดสเปรย์ดังกล่าวให้พนักงานสอบสวน เพื่อนำส่งต่อกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจสอบว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ที่พบหลังการเป่ามาจากเอทิลแอลกอฮอล์นี้หรือไม่


พร้อมกันนี้ คุณเหมียวได้นำตัวอย่างแอลกอฮอล์ที่ใช้ตอนนั้นมาให้ทีมข่าวดู ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ 70% ที่คุณเหมียวอ้างว่า ใช้ยี่ห้อนี้ในการฉีดพ่นตลอดในช่วงนั้น ทั้งช้อน ส้อม จาน ชาม


ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ยังไม่ทราบคำตอบว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ดังกล่าวจะส่งผลกับการเป่าหรือไม่ แต่จากที่ไปค้นหางานวิจัย ว่าแม้แต่สเปรย์ดับกลิ่นปาก (mouth spray) ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 27% ซึ่งผลวิจัยยังบอกว่าจำนวน 27% ก็ยังมีผลต่อการเป่าวัดแอลกอฮอล์แล้ว และงานวิจัยก็บอกว่า หากจะไม่ให้มีผลจะต้องรอหลังจาก 20 นาที หลังจากการฉีด ซึ่งข้อมูลนี้ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาได้เลย


พร้อมยืนยันว่า หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทางพนักงานสอบสวนก็บอกว่า ตนเองไม่ต้องมาที่ สน. แล้ว ทำให้ตนเองเข้าใจว่า เรื่องราวจบไปแล้ว


ส่วนที่เจ้าของคดีออกมาแจงว่า ไม่เคยติดต่อตนเองมาว่า ไม่ต้องเข้ามาที่ สน.แล้ว ตนเองก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรด้วย เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้ว แต่ไม่เป็นไรก็สู้กัน


ส่วนวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ที่มีการนัดส่งฟ้อง ตนเองไม่แน่ใจว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ทราบคือ เรียกไปสอบสวน แต่ตนเองจะต้องขอไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เราอยากเคลียร์เรื่องนี้อยู่แล้ว


ส่านนายเฉลิมศักดิ์ กาญจนศิราธิป ทนายความ ระบุว่า ส่วนที่รับสารภาพได้ก็รับสารภาพไป ส่วนข้อหาไหนที่กล่าวหากันมา อาจจะเกินความจริงมา ก็จะต้องต่อสู้กันไป


ส่วนคดีเมื่อ ปี 65 คุณเหมียวได้ปฏิเสธมาตลอด และบอกว่าได้ใช้เอทิลแอลกอฮอล์ในการฉีดพ่นเครื่องเป่าวัดแอลกอฮอล์ แต่เมื่อมีการรื้อเรื่องมาฟ้อง ก็ต้องมาดูข้อเท็จจริง และดูผลของการตรวจของกรมวิทยาศาสตร์ฯ ว่าใช่ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ เพราะขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบผล

-----------------

ล่าสุด ในโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ช่วงที่ตำรวจคุมตัวอดีตผู้บริหารสาวนั่งบนรถเพื่อที่จะไปโรงพัก และใช้เท้าถีบหน้า รองผกก. 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ก่อนที่จะมีเสียงตำรวจบอกว่า “อย่า ๆ”


จากนั้นก็เป็นการโต้เถียงกันมาบนรถระหว่างอดีตผู้บริหารสาวกับ รองผกก.5 กองบังคับการตำรวจจราจร เรื่องเกณฑ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์ของไทยกับต่างประเทศ


ก่อนที่อดีตผู้บริหารสาวจะพูดว่า “กูพูดไป มึงก็ไม่รู้เรื่องหรอก สติมึงมีแค่นี้ ” จากนั้น รองผกก.5 กองบังคับการตำรวจจราจร ตอบว่า “เหมือนกันครับ สติคุณก็หมดแล้วละ คุณเมาแล้ว ” ก่อนที่อดีตผู้บริหารสาวจะตอบว่า “ถ้าเมากูคงไม่ถีบหน้ามึงยังงี้หรอก แล้วกูก็ถีบได้อีกด้วย”

-----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/29GUlJq1fAk

คุณอาจสนใจ