สังคม

แก๊งรองเจ้าคณะจังหวัด 'พระ-เณร-พราน' ล่าสัตว์ป่าภูเขียว 'พระพยอม' จวกหนัก ศีลข้อ 1 ยังรักษาไม่ได้

โดย passamon_a

28 เม.ย. 2567

206 views

ความคืบหน้ากรณี นายวิชานนท์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกระมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ได้นำทีมเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย จู่โจมเข้าจับกุมแก๊งล่าสัตว์ในพื้นที่ หลังได้รับแจ้งมีแก๊งออกล่าสัตว์ และเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ได้รับแจ้งจุดความร้อน (Hotspot) จากดาวเทียม Suomi NPP จำนวน 14 จุด บริเวณป่า แหลป่าเตย ท้องที่ ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ จึงได้จัดชุดลาดตระเวนเดินป่าระยะไกลเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว


จนกระทั่งวันที่ 25 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มคนต้องสงสัยกำลังปีนหน้าผาลงมาจากหลังแป บริเวณช่องทางขึ้นลงเขาป่าลีภูแคน คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งหลบหนี ซึ่งมีผู้ต้องสงสัย 1 คน ทราบชื่อภายหลังคือ นายสุภชัย ได้ใช้อาวุธปืนสั้นที่พกติดตัวยิงใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งวิ่งติดตามจำนวน 3 นัด เจ้าหน้าที่ได้หลบเข้าที่กำบัง ทำให้นายสุภชัยวิ่งหลบหนีไปได้


ก่อนที่จะเข้าจับกุมแก๊งล่าสัตว์ป่า ได้ผู้ต้องหา ได้แก่ 1. พระมหามนตรี วรมนตรี 2. สามเณรอติคุณ มณีวงษ์ และมีผู้หลบหนีได้ 8 คน ทราบชื่อภายหลัง ได้แก่ 1. พระศรีสัจญาณมุนี 2. พระโน๊ต 3. สามเณรภูมิ 4. นายสุภชัย 5. นายชยาวัชร์ 6. นายช้วน 7. นายบุญโฮม และ 8. ทราบว่าเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ


ในที่เกิดเหตุตรวจพบอาวุธปืนยาว ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนแก็ปกระสุนดินดำ จำนวน 1 กระบอก และกระเป๋าสัมภาระ จำนวน 7 ใบ คณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำบันทึกตรวจยึดและจับกุม ที่สถานีตำรวจภูธรโนนเหม่า และขอให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้สอบถามจากผู้ต้องหาซึ่งควบคุมตัวไว้ได้ ให้การว่าหนึ่งในผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ


เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิชานนท์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกระมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นายทนงค์ กบขุนทด เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ได้นำตัว 2 ผู้ต้องหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าที่จับกุมได้ ประกอบด้วย 1. พระมหามนตรี วรมันตี อายุ 22 ปี สังกัดวัดโมลีโลกยาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม. และ 2. สามเณรอติคุณ มณีวงษ์ อายุ 18 ปี สังกัดวัดเลียบน้ำไหล ต.บ้านขาม อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โนนเหม่า เพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นถูกตั้งข้อหาร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, มีซากสัตว์เป็นของกลาง เป็น 1. ซากสัตว์ป่า 6 ชิ้น 2. ซากกระทิง 0.1 กิโลกรัม ส่วนผู้ร่วมขบวนการล่าสัตว์ป่าที่หลบหนีไปได้ 8 คน ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โนนเหม่า กำลังติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดี


ต่อมาช่วงเช้า วันที่ 27 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่สถานีตำรวจภูธรโนนเหม่า อีกครั้ง เบื้องต้นจากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ประกันตัวพระและเณร 2 รูปที่ถูกจับกุมตัวได้นั้น คนละ 5 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากที่ได้ประกันตัวออกไป คาดว่าน่าจะกลับวัด ส่วนรองเจ้าคณะจังหวัดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่บนเขาในพื้นที่รอยต่อ เนื่องจากที่ยิงปืนเปิดทางหลบหนีมีการโรยตัวลงมาจากหน้าผา ซึ่งบริเวณจุดดังกล่าว หากมีการโรยตัวหลบหนีนั้นคาดว่าจะใช้เวลาเดินทางออกจากป่าประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะคงหลบอยู่ในป่าและยังคงหลบหนีได้ไม่ไกล ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ยังคงระดมค้นหา แต่ยังติดต่อและหาตัวยังไม่เจอ


ขณะเดียวกัน นายวิชานนท์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกระมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.โนนเหม่า อีกครั้ง พร้อมให้ข้อมูลว่า วันนี้ต้องมาติดตามคดี เนื่องจากบนพื้นที่ภูเขาดังกล่าวได้ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปสอดส่องและดูแลพื้นที่จำนวน 3 ชุดแล้ว เผื่อยังมีคนยังคงติดอยู่ภายในพื้นที่ ซึ่งหากพบเห็นก็จะทำการจับกุมและช่วยเหลือออกจากป่า เพราะก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะติดตามขึ้นไป ได้ทำการตรวจพบความร้อน ก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปติดตามจับกุม กระทั่งจับกุมตัวได้ซึ่งเป็นพระและสามเณร ส่วนรองเจ้าคณะจังหวัด พระ และ พราน ยิงสวนเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเปิดทาง ก่อนที่จะพากันหลบหนีโดยการโรยตัวหลบหนีไปได้


จากการตรวจสอบความร้อน เมื่อช่วงเช้า วันที่ 27 เม.ย.67 พบว่าไม่มีความร้อนบนเขาแล้ว ซึ่งคาดว่าทุกคนจะเดินทางกลับลงมาจากเขากันหมดแล้ว แต่ยังคงส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปอีก 3 ชุด เผื่อมีคนหลงเหลืออยู่ ส่วนการตรวจสอบในที่เกิดเหตุและคลิปที่ได้มานั้น พบว่ามีรองเจ้าคณะจังหวัดจริง พร้อมทั้งจะรอให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัว ส่วนในขณะนี้มีบุคคลที่อยู่ในกลุ่มได้แจ้งให้ญาติประสานขอเข้ามอบตัวแล้ว


ส่วนซากสัตว์ที่ทำการตรวจยึดได้ ได้ส่งมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งตรวจสอบได้ว่ามีจำนวนหลายชนิด อาทิ อีเห็น ก่อนที่จะตรวจสอบและส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ต่อไป


จากการสอบถาม พระราชชัยสิทธิสุนทร (ฉวี มหทธโน) เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวอาตมายังไม่ทราบเรื่อง และรองเจ้าคณะจังหวัดก็มีถึง 3 รูป ซึ่งทั้ง 3 รูปยังไม่มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งใด ๆ ส่วนหากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ากระทำความผิดจริง ก็ต้องดำเนินการทั้งด้านกฎหมายบ้านเมือง และระเบียบของคณะสงฆ์ โดยไม่ละเว้น


ส่วนตัวมีผู้เล่าว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เคยได้ยินมาว่า ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านเคยขึ้นไปประจำ ส่วนการจะเข้าไปโดยเข้าใจผิด หรือหลงเข้าไปในแนวเขตหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของทางราชการ แต่อย่างไรก็ตาม จะด้วยเจตนา หรือขาดเจตนา หรือเจตนาบริสุทธิก็ตาม การกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆราวาส เมื่อทำผิดก็ต้องรับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้น


และล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ สภ.โนนเหม่า พระศรีสัจญาณมุนี ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดห้วยหินฝน รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พร้อมกับพระ, เณร และนายพราน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ร่วมกันฆ่าสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งหมดยังไม่ขอให้การใดใดในชั้นสอบสวน และไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และขอให้ผู้สื่อข่าวอย่าบันทึกภาพ


สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามความเห็นกับ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ว่าเหมาะสมหรือไม่กับการกระทำของพระที่พากันไปล่าสัตว์ในป่าแบบนี้


พระพยอม กล่าวว่า รองเจ้าคณะจังหวัดหรือรองรับสัดดานบาป เป็นมหาโหด เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ไม่น่าควรจะเกิดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าผู้นั้นได้บวชจริง การบวชมันแปลว่า เว้น งด ละ ไปจากสิ่งที่เคยทำตอนเป็นฆารวาส เป็นพระไปทำร้ายกำจัดสัตว์ เป็นการทำลายชีวิตเขา ความเมตตาจะไปเหลืออยู่ตรงไหนในสันดานลึก ๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่มีสมณสัญญา ไม่ได้หมายรู้ว่าตัวเองเป็นพระ แต่หมายรู้ว่าตัวเองเป็นนายพรานเที่ยวไล่ล่าสัตว์ แล้วยังยิงสู้กับเจ้าหน้าที่อีก


งานนี้ขอฝากให้รัฐอย่าอ่อนแอระหว่างอาณาจักรกับพุทธจักร ถ้าพุทธจักรทำล่วงล้ำก้ำเกินศาสนจักรก็ต้องเข้าไปจัดการให้เด็ดขาดเพื่อความเรียบร้อยของบ้านเมือง ถ้าพระทำเหตุแบบนี้ทำลายสัตว์ในป่า ในอุทยานที่เขาหวงห้าม การกระทำอย่างนี้เชื่อว่าเป็นมหาโจร ทางศาสนาเรียกว่าภิกษุมหาโจร ทำตัวเหมือนโจรไปล่าสัตว์ในป่า ถ้ารู้ว่าตัวเองยังบวชอยู่เห็นผ้าเหลืองอยู่ก็น่าจะหยุดคิดสักนิด


พระพยอม กล่าวอีกว่า อาตมาตั้งแต่บวชมา 50 กว่าปี จนอายุ 70 กว่าปี ยังไม่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องแบบนี้เลย เพิ่งได้ยินครั้งนี้ เป็นถึงพระระดับรองเจ้าคณะจังหวัด เป็นพระระดับมหาเปรียญ แล้วศีลข้อที่หนึ่งของฆารวาสยังรักษาไม่ได้ แล้วจะเหลืออะไรในความเป็นสมณะ สมณะต้องไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้าย ไม่คิดกำจัดสัตว์ ล่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ถึงแม้จะไม่ขาดจากการเป็นพระ แต่ก็ขาดจากการเป็นสมณะผู้อยู่อย่างสงบ มีแต่ความเมตตา กรุณา ขออยู่ในหัวใจบ้างเหอะ



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/WdQwdTOMekY

คุณอาจสนใจ

Related News