สังคม

แม่ลูกผวา ถูกตำรวจกว่า 15 นาย อ้างตัวเป็นป.ป.ส. ไม่โชว์หมาย บุกบ้านค้นยาเสพติด

โดย paranee_s

23 เม.ย. 2567

1.4K views

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 เม.ย. 67 ที่สำนักงานสส.พรรคก้าวไกล เขต 7 นนทบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายสิรภัทร อายุ 35 ปี อาชีพค้าขาย พร้อมด้วยแม่ คือน.ส.อัญชลีย์ หรือป้าปุ๊ก อายุ 61 ปี (ผู้เสียหาย) เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสส.ทนายโป้ง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 เวลา 10.00 น. ป้าปุ๊กกลับจากไปซื้อข้าวที่ตลาด มาถึงบ้านพักในหมู่ 3 ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ทราบภายหลังว่าหัวหน้าชุดจับกุม คือพ.ต.ท.เรวัต สว.สส.สภ.ไทรน้อย พร้อมตำรวจชุดสืบสวนกว่า 15 คน ได้บุกเข้ามาตรวจค้นป้าปุ๊ก ซึ่งไม่ได้แสดงเอกสารเข้าจับกุม และตรวจค้น โดยอ้างว่ามาจาก ป.ป.ส. ตลอดเวลา แต่เมื่อถามถึงหลักฐาน ได้โชว์บัตรที่ระบุว่าเป็นสังกัด สภ.ไทรน้อย เท่านั้น


และมีผู้หญิงที่อ้างเป็นตำรวจขอทำการตรวจค้น ให้ป้าปุ๊กแก้ผ้าอยู่หน้าบ้าน ก่อนตรวจค้นภายในโดยใช้นิ้วล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศของป้าปุ๊ก ระหว่างการตรวจค้นนั้นได้มีตำรวจคนหนึ่ง ถือวิสาสะยึดกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ไป และตรวจค้นรถจักรยานยนต์ทั้งหมด และหนึ่งใน 15 คนนั้น จะบุกเข้ามาทำร้ายลูกชายของป้าปุ๊ก ซึ่งผลการตรวจค้นจับกุมไม่พบยาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด


ซึ่งป้าปุ๊ก (ผู้เสียหาย) และลูกชาย เห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นจับกุม ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับแห่งกฎหมาย เบื้องต้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนสภ.ไทรน้อย ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งหมด 15 นาย ในข้อหา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาร่วมกันบุกรุก


นายสิรภัทร (ลูกชายผู้เสียหาย) กล่าวว่ากล่าวว่า เหตุเกิดวันที่ 20 เม.ย. แม่ของตนไปตลาด ขี่รถจักรยานยนต์กลับมา บ้านมีชายประมาณ 15 คน อ้างเป็นชุดสืบสวนเข้ามาชาร์จแม่ของตน ดันตัวแม่เข้าไปในบ้าน แม่ของตนกับยายโวยวาย ตนอยู่ชั้น 2 ของบ้านเลยวิ่งลงมาดูแล้วถามถึงหมายค้น แต่ทางชุดสืบสวนไม่แสดงหมายค้น อ้างตัวเป็นป.ป.ส. บอกว่าอย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่


พอตนถามถึงหมายค้นก็จะเอาบัตรออกมา แต่ไม่ยอมแสดงหมาย และไม่มีบัตร ป.ป.สเลยสักคนเดียว มีแต่แสดงบัตรของตำรวจสังกัดภูธร ภาค 1 ตอนเข้ามาจับแม่ตน กดไหล่ให้นั่งลงกลางบ้าน แล้วล้อมวงประมาณ 9 นาย ที่เหลือคุมเชิงอยู่นอกบ้าน พยายามจะรื้อค้นในบ้าน แต่ตนกันไว้บางส่วน


เมื่อถามจุดประสงค์ว่า มาทำอะไร บอกว่ามาค้นแม่ ตนเลยถามว่าใครเป็นหัวหน้าชุด ขอแค่ให้หัวหน้าชุดเข้ามาบางส่วน ตรวจค้นแม่ของตน หลังจากนั้นค้นกระเป๋าของแม่ แล้วบอกว่าให้รอตำรวจหญิง ผ่านไปประมาณกว่า 10 นาที ตำรวจหญิงเข้ามาตนเลยขอดูบัตรประจำตัวของตำรวจหญิง ที่ใส่สายเดี่ยวด้านใน สวมเสื้อแจ็กเกตคลุม และใส่กางเกงยีนส์ ตนเลยพยายามให้ถอดเสื้อแจ็กเกตออก เพื่อเซฟตัวเองก่อนจะเข้ามาตรวจค้นแม่ ซึ่งปกติตนกับแม่ทำอาชีพค้าขาย


เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ามีข้อมูลว่าแม่ของตนพัวพันกับยาเสพติด ซึ่งจนตกใจมากว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ตนรู้สึกกลัววันนี้จึงได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากสส.ทนายโป้ง อยากให้ชุดสืบสวนออกมารับผิดชอบ ว่าการเข้ามาตรวจค้นบ้านประชาชนโดยที่มีบัตรประจำตัวอย่างเดียว ไม่มีหมายค้น สามารถทำได้ด้วยหรือ วิธีการของตำรวจมันผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย ทำให้พวกตนเสียเวลา ตนต้องมาแจ้งความ ต้องมาสอบปากคำ ต้องเสียเวลาในการทำมาหากิน อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ เพราะว่าตนกับแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้าง


หลังจากนี้อยากให้เป็นขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนของตำรวจที่มีการหมิ่นประมาท ยั่วยุให้ตนบันดาลโทสะ อยากให้สส.ทนายโป้งช่วยดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องครอบครัวของตน ส่วนสาเหตุที่คาดว่าตำรวจคิดว่าแม่ของตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากเพื่อนของพ่อตนที่บ้านอยู่ห่างไป 2 กม. ร่างกายไม่แข็งแรง มีลูกชายพัวพันกับยาเสพติดและเคยติดคุก ตนกับแม่สงสารเลยเข้าไปเยี่ยม ซื้อข้าวซื้อน้ำไปฝาก หรือบางครั้งก็เคยเข้าไปดูแล เช็ดตัวให้ด้วย คาดว่าอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้


น.ส.อัญชลีย์ หรือป้าปุ๊ก อายุ 61 ปี (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ตนรู้สึกอับอาย เพราะว่าทุกคนเห็นตอนตำรวจหญิงตรวจค้น ต่อหน้าสาธารณชน เปิดเสื้อของตนออก เห็นหน้าอก และลูบคลำทุกส่วนของร่างกาย ตอนตรวจค้นได้จับอวัยวะเพศ จับก้น คิดไม่ถึงว่าจะล้วงไปตรงนั้น ไม่ได้ใส่ถุงมือ ตนรู้สึกเจ็บตรงอวัยวะเพศ หลังจากนั้นมาบอกขอโทษตนแล้วก็กลับไป ซึ่งไม่ได้พบยาเสพติดในตัว มาบอกกับตนว่าตามมาตั้งแต่ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตรวจค้นในบ้าน 3 ครั้ง แต่ก็ไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไร


สส.ทนายโป้ง กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลและทางผู้เสียหายได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน และภาพจากที่อื่นมาประกอบกัน ทางผู้เสียหายไม่สบายใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ไทรน้อยที่เข้ามาค้นในบ้านแล้วมาจับเนื้อต้องตัวแม่ ตรวจค้นภายในและจับอวัยวะเพศของแม่ผู้เสียหาย และอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.มีอำนาจ ไม่ต้องมีหมายค้น อันนี้ใช่ แต่เหตุที่จะค้นได้ต้องมีข้อยกเว้นไม่ใช่เป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จะค้นโดยไม่มีหมายค้นได้ ต้องมีเหตุที่ไม่อาจสามารถรอหมายศาลได้ ถ้าพฤติกรรมของคดีไม่สามารถรอหมายศาลได้ถึงจะเข้าไปค้นได้ โดยที่ไม่ต้องมีหมายศาล แต่เท่าจากที่ดูวันเวลา ดูจากข้อมูลและข้อเท็จจริง พฤติกรรมของคดีถึงแม้เป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ก็สามารถที่จะรอหมายศาลได้ เพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้เป็นเหตุอุกฉกรรจ์


สิ่งที่ผู้เสียหายไม่สบายใจ เรื่องที่ 2 คือ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากไปแจ้งความพนักงานสอบสวนพูดจาไม่ดี ซึ่งทางผู้เสียหายมีอคติอยู่แล้ว ประกอบกับพฤติกรรมของพนักงานสอบสวนที่มียศน้อยกว่าคนที่ไปตรวจค้น ทำให้รู้สึกว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้เสียหายจึงได้มาร้องเรียนที่ตน ตนเองในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร จะติดตามเรื่องนี้ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แม้กระทั่งฝ่ายตำรวจเองที่มาปฏิบัติการ อาจจะมาทำตามหน้าที่แต่อาจจะผิดพลาดหรือบกพร่อง ไม่ครบถ้วนในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เกิดความขัดแย้งกันระหว่างประชาชนกับตำรวจ


ที่ตนมองพนักงานชุดสืบสวนชุดนี้ ดูแล้วอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะผิดพลาดหรือบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะ 1.ประกาศกับผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.แต่ไม่ได้แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ให้เห็น รูปที่ผู้เสียหายได้ถ่ายไว้กลับเป็นบัตรตำรวจสังกัดตำรวจภูธร ภาค 1 ถ้าไม่มีบัตรเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส .ไม่สามารถเข้าไปค้นโดยไม่มีหมายค้น เลขาฯ ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เคยให้ข้อมูลไว้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.จะตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้น ต้องมีข้อยกเว้นว่าไม่สามารถรอหมายค้นได้ เดี๋ยวตนจะติดตามความคืบหน้าในเรื่องพนักงานสอบสวน จะดูว่าการแจ้งความถูกต้องตามป.วิทยาหรือไม่อย่างไร

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ