สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 22 เม.ย.67 วันนอร์ปลุกใจประชาชาติ-สงกรานต์พระประแดง-จับแม่ค้าขายกัญชาให้เด็ก 14

โดย thichaphat_d

22 เม.ย. 2567

39 views

1.กะเทยผ่าตัดแปลงเพศ หมอพลาดทำไส้แตก

2.ตำรวจออกระงับเหตุ เจอชายคลั่งแย่งพวงมาลัย รถคว่ำ ดับ 1 เจ็บ 3

3.จับแม่ค้าขายกัญชาให้เด็ก 14 ชาวบ้านแฉมอมเมานักเรียน ไม่กลัวกฎหมาย

4.สาวใหญ่เข่าแทบทรุด เก็บเงินมา 30 ปี ถูกแอบถอนสูญร่วม 3 แสน

5.รวบ 5 หนุ่มทรชน ก่อเหตุรุมชำเราโทรมเด็กหญิงวัย 13 ปี

6.สั่งตรึงกำลังเข้ม ชายแดนไทย ฝั่งแม่สอด-ด่านเจดีย์สามองค์

7.สุดคึกคักสงกรานต์พระประแดง สาดน้ำชุ่มฉ่ำ



เรื่องเล่าการเมือง

-วันนอร์ ปลุกใจประชาชาติ กวาด 15 สส. - 3 เก้าอี้ รมต.


การประชุมใหญ่พรรคประชาชาติ ซึ่งประธานวันนอร์ ไปบรรยายพิเศษ เนื้อหาเข้มข้น ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เป็นการปลุกใจสมาชิกพรรคให้เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า และย้ำตำแหน่งประธานสภาฯไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม.

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวบรรยายพิเศษ หัวข้อ "ถอดบทเรียน 6 ปี พรรคประชาชาติ" ใจความสำคัญช่วงหนึ่งท่านได้พูดถึงจำนวน สส.ของพรรคที่ครั้งนี้ได้ 9 คน มากกว่าครั้งก่อน 2 คน คิดเป็น 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ และตั้งเป้าว่าถ้าโตตามอัตราเดิม ครั้งหน้าจะต้องได้ สส.อย่างน้อย 15 คน และแสดงความมั่นใจว่า พรรคประชาชาติจะได้เป็นพรรครัฐบาลอีกรอบแน่นอน และหากได้ สส. 15 คนก็จะได้โควตารัฐมนตรี 3 คน เป็นรัฐมนตรีว่าการ 1 ที่นั่ง และรัฐมนตรีช่วย 2 ที่นั่ง

นอกจากนี้อีกช่วง ประธานฯวันนอร์ ยังพูดว่าพรรคต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการสื่อสารและสร้างกระแส ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันคนอื่น โดยยกกรณีของพรรคก้าวไกล และยังยกกรณีตำแหน่งประธานสภาฯของตน ที่หากไม่ออกมาพูดสังคมก็จะไม่เข้าใจ พร้อมย้ำว่าตำแหน่งประธานสภาฯไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม. จะปรับ ครม.อีกกี่รอบนายกฯก็ปรับไป แต่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาฯ



-ทวี เผยอยากได้ รมต. 2 คน ปัดตอบแลกตำแหน่งประธานสภาฯ

ขณะที่เมื่อวาน จู่ ๆ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็บอกว่า อยากได้รัฐมนตรีเพิ่มอีก 1 ตำแหน่งในการปรับ ครม.

พันตำรวจเอกทวี ซึ่งในอีกหมวกคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาชาติ ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี โดยย้ำว่า เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และนายกฯ ยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติในเรื่องนี้ แต่พรรคประชาชาติได้มีการพูดคุยกัน เพราะพรรคได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ก็อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้

ส่วนหากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น พันตำรวจเอกทวี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น พร้อมยืนยันว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเองเท่านั้น /ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาฯ ยืนยันว่า ยังไม่เคยได้ยิน

ทั้งนี้ ระหว่างพูดกับสมาชิกในที่ประชุม พันตำรวจเอกทวี ก็ได้ย้ำถึงเรื่องที่อยากได้รัฐมนตรี 2 คน อีกครั้งด้วย



-รวมไทยสร้างชาติ ประกาศ ใช้ "ดีเอ็นเอลุงตู่" ในการทำงาน

อีกพรรคที่มีการประชุมใหญ่เมื่อวาน คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ได้ประกาศสืบทอดตามแนวทางของพลเอกประยุทธ์ - ใช้ดีเอ็นเอ “ลุงตู่”ในการทำงาน

การประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อวาน จัดขึ้นที่สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพมหานคร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค กล่าวเปิดประชุม โดยได้กล่าวขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคด้วย และบอกว่าที่เลือกสโมสรราชพฤกษ์ ในการจัดประชุมเพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการประชุมก่อตั้งพรรค เมื่อปี 2566

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า แม้จะเป็นน้องใหม่นอกสายตา แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็ได้ สส.ถึง 36 คน ซึ่งกำลังหลักที่ทำให้พรรคมาถึงได้ในทุกวันนี้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนจึงต้องเก็บดีเอ็นเอของ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้เป็นของรวมไทยสร้างชาติ พรรคจะสืบทอดตามแนวทางของพลเอกประยุทธ์ ในเรื่องการตั้งใจทำงาน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้พรรคแข็งแกร่งกว่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า



-วิโรจน์ ติงสุทิน แก้ กม.สกัดรัฐประหาร แค่ผิว ไม่ถึงแก่น

มาดูเรื่องความมั่นคง จากข้อเสนอของรัฐมนตรีสุทิน คลังแสง เรื่องแก้กฎหมายให้อำนาจนายกฯสกัดรัฐประหาร ล่าสุด นายวิโรจน์ จากพรรคก้าวไกล ออกมาเห็นด้วยในหลักการ แต่ติงว่ายังทำแค่ผิว ไม่ถึงแก่น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.การทหาร สภาผู้แทนราษฎร บอกว่า ตนเห็นด้วยในหลักการอยู่แล้ว แต่ควรแก้ให้ถึงแก่น ไม่ใช่แค่ผิว เพราะเป้าหมายสูงสุดในการแก้คือ ทำให้กองทัพไม่อยู่ในฐานะรัฐอิสระ หรือ รัฐซ้อนรัฐ และอำนาจการตัดสินใจของกองทัพจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลพลเรือน แต่ที่นายสุทินเสนอเป็นเพียงการแก้แค่องค์ประกอบเท่านั้น ยังไม่ถึงแก่น

นอกจากนี้ ยังควรปรับแก้อำนาจของสภากลาโหมด้วย ให้มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจใดๆ ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลพลเรือน ส่วนอำนาจ วีโต้ หรือเห็นแย้งคำสั่ง จะต้องเป็นสถานการณ์เฉพาะ เช่น ในภาวะศึกสงคราม แต่ในภาวะทั่วไป ถ้าสภากลาโหม มีอำนาจเหนือรัฐมนตรี นายวิโรจน์ ชี้ว่า ไม่ถูกต้อง

นายวิโรจน์ ยังชำแหละสัดส่วนของสภากลาโหม จำนวน 24 คน มีสัดส่วนของข้าราชการทหาร ถึง 19 นาย ตนมองว่า หากปรับลดให้เหลือเพียง 11 คน แล้วให้มีข้าราชการทหาร 5 นาย หรือจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่ง และให้อำนาจกับข้าราชการ หรือคนที่ทางรัฐบาลแต่งตั้งมา ซึ่งอาจเป็นนายทหารเดิมที่มีความเชี่ยวชาญสัก 6 คน ก็จะกำลังดี เพราะหากมีข้าราชการทหารจำนวน 19 นาย จาก 24 คน สัดส่วนที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นมา ก็แทบจะไม่มีเลย

ส่วนการแต่งตั้งทหารระดับนายพล นายวิโรจน์ เห็นว่าควรอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และมี ระบบคุณธรรมกำกับ คือมีหลักเกณฑ์ชัดเจน ไม่มีระบบเส้นสายอุปถัมภ์ ไม่มีการวางเครือข่ายของตนเอง เพื่อมานั่งทับความผิดของอดีตผู้บังคับบัญชาของตนเอง และทั้งหมดนี้ ควรอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งสภากลาโหมไม่ควรมาแทรกแซงได้

ส่วนจะเกิดการกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ก็มีกลไกของศาลปกครองอยู่แล้ว นายวิโรจน์ ทิ้งท้ายว่า เหตุใดทหารต้องมีกระบวนการยุติธรรมเป็นของตนเอง ข้าราชการกระทรวงอื่น ยังใช้กลไกของศาลปกครองได้ แต่ทำไมกระทรวงกลาโหม ถึงต้องใช้กลไกของสภากลาโหม


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/x1KTaTrRQzM





คุณอาจสนใจ

Related News