สังคม

เปิดใจเสี่ยเจษ ยันซื้อขายกากแคดเมียมถูกต้องทุกขั้นตอน เชื่อโดนกลั่นแกล้ง

โดย paranee_s

18 เม.ย. 2567

447 views

นายเจษฎา เปิดใจหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยชี้แจงว่า ตนเองมีการทำสัญญาเพื่อซื้อแร่สังกะสี แต่ว่ามีกากแร่แคดเมียมปะปนเข้ามา ส่วนที่ซื้อมานั้น เพราะโรงงานต้นทางที่ทะลุงแร่ในครั้งนั้นมีการฝังกลบและโรยปูนขาว รวมทั้งปูนพอตแลนต์ลงไปทำให้ปริมาณความเข้มข้นของกากแร่แคดเมียมนั้นลดลง จึงสามารถซื้อขายได้ และกากแร่ที่ตนครอบครองมีทั้งหมด 13,800 ตัน และมีกากแร่แคดเมียมผสมอยู่เพียง 38% เท่านั้น จากการที่กรมวิทยาศาสตร์นำแร่ในโรงงานไปเทส


อีกทั้งแคดเมียมไม่ใช่แคดเมียมบริสุทธิ์ เป็นเพียงกากแร่แคดเมียมผสมเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าไม่ผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณที่จะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์นั้นต้องสูงถึง 100 -150 % / และตั้งแต่มีข่าวปรากฏสื่อหลายช่องมีการนำเสนอ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงโทษและพิษภัยของกากแคดเมียมที่รุนแรงเกินความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนั้นทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก


ส่วนที่คนในโรงงานและคนรอบโรงงานออกมาบอกว่าได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ นายเจษฎา บอกว่า เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบโรงงานรอบ ๆ ด้วย


และการที่ตนได้กากแร่แคดเมียมดังกล่าวมานั้นมาจากการประมูล ที่มีโรงงานอื่นร่วมประมูลด้วยอีก 4 โรงงาน และตนเองประมูลมาได้จำนวน 8 ล้านบาท เพราะตนเองต้องการแร่สังกะสีที่นำไปขายต่อได้กินโลกรัมละ 300 กว่าบาท ไม่ได้ต้องการแร่แคดเมียม แต่มันผสมมาด้วยอยู่แล้วจึงต้องนำไปคัดแยก


ตามสัญญาที่เซ็นกับบริษัทต้นทาง ว่าซื้อมาเพื่อนำไปกำจัด แต่เหตุใดถึงมีการนำไปขายต่อ นายเจษฎา บอกว่า ตนเองเป็นพ่อค้า ส่วนที่นำไปขายนั้น เพราะตนเองหมุนเงินไม่ทันจึงต้องนำไปบ้าง ส่วนปริมาณที่นำมาตอนแรก 13,800 ตัน แต่พบเพียง 12,000 กว่าตัน ระบุปริมาณทั้งหมดครบหมดแล้ว แต่น้ำหนักมันลดลงเพราะตอนแรกที่นำมามีลักษณะหนักและเปียก แต่เมื่อกากแร่แห้งลงปริมาณก็จึงลดลง


ส่วนที่บอกว่าจะนำไปจำหน่ายต่อที่ สปป.ลาว นายเจษฎา บอกว่า ตอนนี้กำลังดำเนินเรื่องจากกรมโรงงานอยู่ เพราะทาง สปป.ลาวมีโรงงานที่คัดแยกกากแร่ดังกล่าวอยู่


นอกจากนี้นายเจษฎา ยืนยัน ว่ากระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ต้นทางจังหวัดตาก มาจนถึงจังหวัดสมุทรสาครนั้นถูกต้องทุกอย่าง ส่วนเมื่อถามว่าทำไมต้องกระจายไปยังโกดังอื่น นายเจษฎาบอกว่า กากแร่ที่ได้มานั้นมาจำนวนมาก พื้นที่ของตนเองไม่เพียงพอ จึงต้องไปเช่าที่โรงงานอื่นเก็บ


ส่วนนายจาง ได้ให้นายหน้ามาติดต่อตนเองเพื่อขอซื้อต่อ ซึ่งตอนนั้นตนเองต้องขายไปเพราะต้องการนำเงินมาหมุนต่อ ซึ่งยอมรับว่าผิดสัญญาที่ได้มาว่านำมาเพื่อกำจัด แต่กลับนำไปขาย ส่วนนี้ก็ยอมรับว่า ตนเองผิดจริง


นายเจษฎา ยืนยันอีกว่า ตนเองไม่ได้มีใครมาเป็นที่ปรึกษา หรือมีใครมาถือหุ้นในบริษัท และไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้องแน่นอน


ส่วนเมื่อถามว่า ทาง กมธ.อุตสาหกรรมตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทปลายทางรับกากแคดเมียม ถูกร้องเรียนเป็นนอมินีทุนจีนหรือไม่ นายเจษฎา ยืนยันว่าไม่ใช่ ตนเองเป็นคนไทย แต่ยอมรับว่ามีการซื้อขายทำธุรกิจกับคนจีนเพียงเท่านั้น อย่างกรณีนี้มีการเตรียมการแร่ส่งออกไปยัง สปป.ลาว และตนเองก็มีการหลอมไปบ้างแล้วแต่ไม่ได้เยอะมาก ซึ่งหากนำไปขายที่ลาวจะขายแพงกว่าที่ขายให้นายจาง จะขายได้ถึง 8.25 ต่อกิโลกรัม จากเดิม 1.25 ต่อดิโลกรัม และตนจะขายเป็นแบบ จัมโบ้แบ็ก เพื่อไปให้ทาง สปป.ลาวแยก ทองแดง สังกะสี แคดเมียม ซึ่งเป็นกากที่ตนต้องการเพียงแค่ทองแดง เพราะนำไปขายต่อได้ราคาสูง


นายเจษฎา เชื่อว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้ง จากคนที่ประมูลไม่ได้น่าจะมากลั่นแกล้งตนเองหรือไม่ และยังตอบกลับอีกว่า เอกสารทั้งหมดที่ตนดำเนินการมานั้นถูกต้องทั้งหมด แต่ทำไมตนเองถึง ถูกบอกว่าเป็นคนผิด และจะเรียกร้องค่าเสียหายและเตรียมที่จะดำเนินคดีกลับด้วยที่ทำให้ตนเองเสียหาย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีกับใคร


นายเจษฎา บอกอีกว่า ตนเองรู้สึกถูกหลอกและโดนลอยแพ จากสัญญาที่ทำกับบริษัทต้นทาง ที่ตนเองต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เหมือนเขาหลอกขายผม หลอกให้เซ็นผูกมัดผมอีก เอาเปรียบทุกอย่าง ซึ่งตอนแรกตนเองก็สงสัยในประเด็นนี้ แต่เมื่อมองในแง่ของกำไรตนเองได้มากกว่าจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่หากถามว่าจะต้องมีคนผิดจริง ๆ จะต้องไปที่ต้นทางผู้ก่อกำเนิดว่าถูกต้องหรือไม่


ทั้งนี้นายเจษฎา บอกว่า กากแร่แคดเมียมไม่ได้อันตรายตามที่สื่อบางสื่อลงซึ่ง และมีความปลอดภัย เพราะกากแร่แคดเมียม มีผสมอยู่ในถ่านรีโมตของทุกบ้าน หรือแบตเตอรี่รถยนต์ ขออย่าไปตกใจ ลองไปเปิด Google ดูก็ได้ว่ากากแร่แคดเมียมไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ