ต่างประเทศ

นายกฯ ยืนยัน รัฐบาลพร้อมอพยพคนไทยกลับประเทศ หากสถานการณ์ “อิสราเอล-อิหร่าน” ยกระดับรุนแรงขึ้น

โดย paranee_s

13 เม.ย. 2567

512 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงการ ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน ว่า ได้มีการออกจดหมายเตือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเช้านานาประเทศก็มีความเคลื่อนไหวพอสมควร ฉะนั้นต้องมีการเฝ้าระวัง


โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มีการเตรียมความพร้อม หากมีการยกระดับความรุนแรงขึ้น ก็ต้องดูแลประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่


เมื่อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศได้มีการรายงานถึงความกังวลของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานมาแต่อย่างใด และยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาก็มีกรณีข้อพิพาทสงครามระหว่างกลุ่มฮามาส และอิสราเอล ซึ่งขณะนั้นก็ได้มีการส่งเครื่องไปรับแรงงานไทยกลับประเทศ กว่า 8,000 คน


พร้อมยอมรับว่าเป็นปัญหาพื้นฐานที่เศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแกร่ง และมีแรงงานบางส่วนที่เดินทางกลับไปอีก แต่แน่นอนว่ารัฐบาลจะต้องดูแล พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อมเตรียมแผนรองรับอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว


ซึ่งทั่วโลกเฝ้าจับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านขู่โจมตีอิสราเอล ล่าสุด ประธานาธิบดีไบเดน ได้เตือนอิหร่านว่า อย่าได้คิดที่จะโจมตีอิสราเอลเป็นอันขาด เพราะถ้าหากอิหร่านโจมตีอิสราเอล สหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะเข้าไปปกป้องและสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ และอิหร่านจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน


ขณะที่ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ประกาศว่า อิสราเอลพร้อมที่จะปกป้องตนเอง และได้มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีสงครามเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการรับมือแล้ว


ด้านโฆษกของกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ ก็ออกมาเตือนประชาชนในระมัดระวัง หลังจากประเมินสถานการณ์ และว่าอิสราเอลได้เตรียมแผนการตอบโต้เอาไว้แล้ว หากถูกอิหร่านโจมตี


สถานการณ์โลกมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในทันที หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBS ว่าอิหร่านจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้ เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ไปโจมตีทางอากาศใส่สถานทูตของอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน ในจำนวนนี้เป็นนายทหารระดับสูงกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม หรือ IRGC อย่างน้อย 2 นาย


แม้ว่าอิสราเอลจะไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบการโจมตีดังกล่าว แต่อิหร่านก็เชื่อว่า อิสราเอลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เนื่องจากอิสราเอลมองว่าอิหร่านให้การสนับสนุนอาวุธกับกองกำลังตัวแทนในเลบานอนและซีเรีย ซึ่งผู้นำสูงสุดของอิหร่านก็บอกว่าอิสราเอลจะต้องถูกลงโทษ และเปรียบเทียบการโจมตีสถานทูตว่าเท่ากับการโจมตีดินแดนของอิหร่าน


สัญญาณของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วโลกเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด หลายประเทศประกาศเตือนประชาชนของตนเอง โดยเมื่อวานนี้ มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่สถานทูตและครอบครัว ที่อยู่ในนครเทลอาวีฟ, กรุงเยรูซาเลม, และเมืองเบียร์ชีบา ของอิสราเอล เดินทางออกนอกพื้นที่


ขณะที่ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อินเดีย, โปแลนด์, และรัสเซีย ได้ออกคำเตือนห้ามพลเรือนเดินทางไปยังอิสราเอล, อิหร่าน, ปาเลสไตน์, และเลบานอน ส่วนเยอรมนี สายการบินลุฟท์ฮันซา ซึ่งเป็น 1 ใน 2 สายการบินตะวันตกที่ให้บริการเที่ยวบินไปยังกรุงเตหะราน ของอิหร่าน ก็ออกมาประกาศขยายระยะเวลาระงับเที่ยวบินออกไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ