ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนแรงซื้อทำราคาทองคำโลกพุ่ง-น้ำมันปิดบวก

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในตะวันออกกลางซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.66 ดอลลาร์ / บาร์เรล



เช่นเดียวกับ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดเพิ่ม 71 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 90.45 ดอลลาร์ / บาร์เรล อย่างไรก็ดี หากดูในรอบสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบทั้งสองต่างพากันร่วงลงมา โดย WTI ร่วงลงกว่า 1% ส่วนเบรนท์ก็ร่วงลง 0.8%



สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น เพราะความวิตกกังวลจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก ขู่โจมตีอิสราเอล เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลโจมตีสถานทูตของอิหร่านในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา



ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังองค์การพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้ลงเหลือ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ กลุ่มโอเปกเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้



ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเช่นกัน หลังพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์ สู่ระดับสูงสุดตลอดกาลระหว่างวัน และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย



สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.06% ปิดที่ 2,374.10 ดอลลาร์/ออนซ์



นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมนแซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปีนี้สู่ระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ จากเดิมที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์