อาชญากรรม

สาววัย 26 ร้อง โดนญาติสวมรอย ใช้ชื่อ-นามสกุลไปหลอกลวงคนอื่น เปลี่ยนชื่อหนี ยังเปลี่ยนตาม

โดย paweena_c

4 เม.ย. 2567

1.7K views

หญิงวัย 26 ถูกญาติปลอมและใช้ชื่อ-นามสกุลเหมือนตัวเอง แล้วไปก่อเหตุหลอกลวงคนอื่น ทำให้เจ้าตัวเดือดร้อน แม้เปลี่ยนชื่อหนีแล้ว ยังเปลี่ยนตาม ล่าสุดเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนก่อเหตุแล้ว

เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์เรื่องราวของผู้หญิง 2 คนพร้อมระบุข้อความว่าตัวละคร a = ผู้เสียหาย B = มิจฉาชีพ เรื่องมีอยู่ว่าบีวิ่งโร่แจ้งความเอาผิดกับเอโดยอ้างว่า a สวมชื่อนามสกุลรวมถึงบัตรประชาชนไปหลอกลวงผู้อื่น

ทำให้เอซึ่งเป็นตัวจริงพอรู้เรื่องรีบไปแจ้งความกับตำรวจว่า ถูกบีนำชื่อและบัตรประชาชน ไปใช้สวมรอยแอบอ้างแต่ตำรวจบอกว่าไม่เป็นไรยังไม่เกิดความเสียหาย เธอจึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้

จากนั้น a ไปตามสืบจนพบว่าบีได้ทำธุรกรรมกู้เงินนอกระบบ สมัครงานและหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งความจริง b มีชื่ออยู่แล้ว คือ นางสาวภูษณาภรณ์ รุ่งเรือง

เอจึงไปรีบแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งต่อมา B ก็สารภาพว่าได้สวมรอยเป็น a จริง และรับปากว่าจะไม่ทำอีก จากนั้นไม่นานเอก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่เรื่องไม่จบเพราะมีก็เปลี่ยนชื่อตาม หนำซ้ำยังไปแจ้งความ a เป็นครั้งที่ 2 ว่าสวมรอยชื่อตัวเอง

เพจอีซ้อยังพิมพ์ต่อด้วยว่า คำถามคือตำรวจโรงพักสุพรรณบุรีทำไมถึงไม่เอะใจทั้งที่เรื่องนี้เกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง กาสะลอง-ซองปีบ, เอื้อย-อ้าย, มุนิน-มุตา

ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์เดินทางไปพูดคุยกับคุณรัลชญาน์ จารุสถิตย์ภัทร์ หรือ พลอย อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย กล่าวกับทีมข่าวว่า เดิมที เธอชื่อ นางสาววริศรา แก้วมณี โดยผู้ก่อเหตุ คือ นางสาวภูษณาถ ภรณ์รุ่งเรือง หรือ สมาย ซึ่งเป็นญาติห่างๆ รู้ว่าคนนี้มีตัวจริงๆ แต่ไม่เคยพูดคุยหรือรู้จักกันเป็นส่วนตัว

กระทั่งเหตุการณ์มาเกิดขึ้นปี 2564 มีคนส่งข้อความมาบอกว่า ในกลุ่มคนสุพรรณบุรี มีการโพสต์ประกาศตามหาตัวและประจานว่า มีการกู้ยืมเงินแล้วหลบหนี กำลังตามหาตัวอยู่ โดยรูปภาพเป็นภาพของสมาย แต่ชื่อที่แปะไว้ คือ นางสาววริศรา แก้วมณี ชื่อของเธอ (ภาพสมาย แต่ชื่อพลอย)

ตอนนั้นสมายก็อ้างว่า เฟซบุ๊กถูกแฮ็ก มีการไปลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี โดยใช้ชื่อ วริศรา แก้วมณี ชื่อของเธอ ไปแจ้งความ แต่ใส่เบอร์โทรศัพท์เธอ ทำให้เธองง ว่าอยู่ตัวกรุงเทพ ไปแจ้งความตอนไหน ก็เลยทราบเรื่องฝากญาติๆ ไปเตือนว่า เธอรู้เรื่องแล้วนะ อย่าทำอีก ซึ่งสมายก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก

ต่อมาปี 2565 เธอได้รับข้อความจากพลเมืองดีอีกว่า นางสาววริศรา แก้วมณี ชื่อของเธอ ไปสมัครงาน แล้วเหมือนกับว่า ไม่มีบัตรประชาชนให้ มีให้แค่ชื่อ-นามสกุลจริง และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยสามีของพลเมืองดีคนนี้เป็นตำรวจ เอาชื่อนามสกุลไปค้นประวัติอาชญากรรมแล้วพบว่า รูปไปตรงกับคนที่มาสมัคร

ครั้งนี้เธอจึงเดินทางไป สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อเจอหน้า และตำรวจไม่ให้แจ้งความ บอกว่ายังไม่เกิดความเสียหาย จึงไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งสมาย หรือ วริศราตัวปลอม รอบนี้ใช้ชื่อตัวเขาเอง ลงบันทึกประจำวันแล้ว และยอมรับว่าเอาชื่อไปแอบอ้างจริง และลงข้อมูลว่าจะไม่ทำอีก หากพบอีกให้ดำเนินคดี ซึ่งตอนนั้นเธอก็คิดว่ามันจบแล้ว

จากนั้นปี 2566 เธอเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลจริง เพื่อความเป็นศิริมงคล จากเดิมนางสาววริศรา แก้วมณี เปลี่ยนเป็น นางสาววรัลชญาน์ จารุสถิตย์ภัทร์ และล่าสุดปี 2567 มีพลเมืองดี ซึ่งเป็นอดีตแฟนหนุ่ม ทักมาถามเธออีกว่าชื่อ นางสาววรัลชญาน์ จารุสถิตย์ภัทร์ หรือไม่ เนื่องจากพบว่า ถูกประจาน เอาชื่อจริงนามสกุลจริงไปหาหมอที่โรงพยาบาล และหลายคนตามหาตัวอยู่

หลังจากนั้นสมาย ผู้ก่อเหตุ ก็ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เช่นเคย แต่ครั้งนี้ ใช้ชื่อนางสาววรัลชญาน์ จารุสถิตย์ภัทร์ ชื่อใหม่ของเธอในการลงบันทีกประจำวันอีก เธอจึงหมดความอดทนแล้ว เลยโพสต์ลงโซเชียลเพื่อเป็นอุทาหรณ์

น้องพลอย กล่าวว่า หลังเป็นข่าวได้ 2-3 วัน และมีการพูดคุยตกลงกันว่าจะไปเจรจากันในรายการโหนกระแส ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) สมายบุกมาที่บ้านของเธอ เพื่อพยายามอธิบายว่า เขาถูกแฮ็กเฟซบุ๊ก ปลอมชื่อนามสกุลเป็นพลอย ซึ่งพลอยก็บอกกลับไปว่ามันเลยจุดเรื่องปลอมเฟซบุ๊กมาแล้ว แต่นี่มันไปถึงขั้นใช้ชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของพลอยในการเข้ารักษาพยาบาล รวมถึงในการใช้แจ้งความด้วย

พลอย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ยังคาใจ คือ ทำไมต้องเอาชื่อนามสกุลจริง เลขประบัตรชาชนเธอไปทำธุรกรรมส่วนตัว และมีเรื่องของการกู้หนี้นอกระบบ มีเรื่องการหลอกลวง และอีกข้อสงสัยหนึ่ง คือ ตำรวจรับลงบันทึกประจำวันได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีชื่อนามสกุลจริง ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนด้วยซ้ำ และอยากให้ผู้ก่อเหตุหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเธอจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/f-DYX-w79tw

คุณอาจสนใจ