โรงเรียนในชุมพรประกาศยกเลิกระเบียบ “ห้ามพกมือถือ-เครื่องประทินโฉม-ใส่คอนแทคเลนส์” แล้ว

หลังมีการแชร์ข้อมูล คู่มือนักเรียนของ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร ซึ่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในข้อปฏิบัติบางข้อ เช่น การแต่งกายต้องแต่งเครื่องแบบที่กำหนดใบหน้าไม่ตกแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสำอางทุกชนิด, ห้ามใส่คอนแทคเลนส์กรณีสายตาสั้นให้ใส่แว่นสายตา, ห้ามนำอุปกรณ์การใช้โทรศัพท์ทุกชนิดมาโรงเรียน หากตรวจพบจะเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นและไม่คืนให้, ห้ามเหยียบส้นรองเท้า เป็นต้น


เรื่องนี้ทีมข่าวได้สัมภาษณ์ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ระบุ หลังทราบข่าวตนก็ได้ติดต่อทาง เขตการศึกษาพื้นที่ สุราษฎร์ธานี –ชุมพรและทางผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนที่เป็นข่าวไปเมื่อคืน ซึ่งโรงเรียนที่เป็นกระแสอยู่นั่น เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ประจำอำเภอสวี จังหวัดชุมพร สอบถาม ได้ข้อมูลว่า คู่มือนักเรียนฉบับดังกล่างเพิ่งมีการประกาศ แต่ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปยัง ผอ. รร.แล้วว่าขอให้ยกเลิกกฏระเบียบที่ออกมา เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิของนักเรียน


ซึ่งในวันนี้ทาง ผอ.ได้ออกคำสั่ง ยกเลิกระเบียบดังกล่าวแล้ว คาดว่ากฎระเบียบดังกล่าวยังไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา อาจเป็นเพราะทางผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้พิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่เกิดจากเจตนาที่หวังดีอยากให้นักเรียนมีระเบียบและตั้งใจเรียนเพื่อให้เกิดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่ได้พิจารณาถึง ข้อปฏิบัติว่ากระทบหรือละเมิดสิทของนักเรียน


จึงได้ให้ทำประกาศฉบับใหม่ทดแทน ภายใต้เงื่อนไขต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารสถานศึกษาบุคลากร/หน่วยงานในสถานศึกษาและผู้ปกครอง


ซึ่งแนวทางปฏิบัติของ สพฐ. พยายาม กระจายอำนาจการบริหารงานต่างๆ ให้กับสถานศึกษาได้มีบทบาทมากขึ้นโดยมี สพฐ.คอยกำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ แต่ให้พื้นที่ ปรับเปลี่ยนพิจารณาตามความเหมาะสมโดยทุกครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาก่อน และที่ผ่านมาการออกกฎระเบียบของ สพฐ. จะมอบหมายเป็นเรื่อง เพื่อเป็นแนวทางให้กับสถานศึกษาในสังกัดกว่า 30,000 แห่งนำไปปรับหรือพิจารณาพิจารณาพิจารณาให้เหมาะสมในเชิงการปฏิบัติซึ่งต้องเป็นนโยบายที่ส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอนไม่ละเมิดหรือกระทบสิทธินักเรียนผู้ปกครอง


โดยส่วนตัวมองว่าหากโรงเรียนยังมีการบังคับใช้ข้อปฏิบัติดังกล่าวอยู่โดยเฉพาะข้อที่กำหนดกรณีเรื่องโทรศัพท์มือถือที่ระบุว่าจะมีการยึดโดยไม่คืนอาจจะเข้าข่ายความผิดกฎหมาย กรณีการยักยอก และอาจมีปัญหาอื่นๆ ตามมา ซึ่งครั้งนี้ต้องขอบคุณสื่อและโซเชียลที่ช่วยกันร่วมตรวจสอบจนทำให้เกิดการแก้ไขก่อนจะเกิดปัญหา


โดยตนจะเน้นย้ำไปยังสถานศึกษาอีกครั้ง ในการออกนโยบายหรือระเบียบที่มีสภาพบังคับต้องไม่กระทบสิทธิ์ของผู้เรียนและผู้ปกครองและนโยบายนั้นต้องส่งเสริมการเรียนการสอนพัฒนาการของผู้เรียน


ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของโรงเรียน ได้ออกประกาศเรื่อง ยกเลิกระเบียบการแต่งกายของนักเรียนแล้ว โดยระบุข้อความว่า ตามที่โรงเรียนได้ออกระเบียบ ปีการศึกษา 2567 ทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของนักเรียน นั้น เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน โรงเรียนจึงขอยกเลิกระเบียบการแต่งกายของนักเรียน และโรงเรียนจะออกระเบียบการแต่งกายของนักเรียนฉบับใหมในโอกาสต่อไป