ดรามา! เจ้าของร้านเดือดเสียงดัง โยนเก้าอี้ใส่รถแห่งานบวช

วันที่ 18 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” ได้มีการโพสต์คลิปภาพเหตุการณ์ของกลุ่มคนมีปากเสียงทะเลาะกันระหว่างเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มผู้ร่วมขบวนแห่นาค ซึ่งในคลิปจะเห็นการปะทะคารมกันอย่างดุเดือน โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าภาพงานแห่นาค ได้มีการพูดประกาศผ่านไมค์ และเดินเข้าไปต่อว่าเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่หน้าร้านอย่างเผ็ดร้อนด้วย

สำหรับคลิปดังกล่าว ทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดังได้มีการระบุข้อความที่คลิปไว้ว่า “สงสารเจ้าภาพนะ..กับงานแค่วันเดียว..มุมของร้านค้าเขาอาจจะไม่ชอบเสียงดัง เหตุมันเลยเกิด พวกผมไปสร้างความสนุกไห้เจ้าภาพ ไม่ได้มีเจตนาจะไปลบกวนท่าน แต่ท่านจะเอาเก้าอี้มาปาพวกผม และมายืนชี้นิ้วด่าแบบนี้ไม่ได้นะครับ อยากให้คุณป้าคุยดีๆกับพวกผมหน่อย พวกผมแค่มาสร้างความสนุกให้กับเจ้าภาพ เจ้าภาพเขาจัดงานแค่วันเดียว ไม่ได้จัดงานแบบนี้ทุกวัน สงสารเจ้าภาพเลย

ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบเจ้าของคลิปดังกล่าว เป็นนักร้องประจำวงดนตรี ฟิวเจอร์แบนด์ อยุ่ในพื้นที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ได้รับการเปิดเผยจาก นายมาร์ค อายุ 27 ปี ระบุว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวาน (17 มีนาคม 2567) วงดนตรีของตนได้รับการว่าจ้างให้ไปร้องนำในขบวนแห่นาค จึงได้มีการนำรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงไปร่วมงานแห่ ตามที่ได้รับการว่าจ้าง ซึ่งก็ได้มีการตั้งขบวนแห่จากบ้านงาน เพื่อพานาคไปเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดช่องแค ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนตนก็ร้องเพลงอยู่บนท้ายรถบรรทุก เพื่อทำหน้าที่สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้มาร่วมขบวนไปตามปกติ แต่เมื่อขบวนกำลังจะผ่านหน้าร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างของคู่กรณี ที่บริเวณวงเวียนช่องแค จู่ๆ ก็มี ผู้หญิงเจ้าของร้านเดินเข้ามาชี้นิ้วต่อว่าแล้วจึงเดินกลับไปหยิบเก้าอี้มาเขวี้ยงใส่ที่รถเครื่องขยายเสียง จนตนต้องหยุดร้อง และเบาเสียงเพลงทันที

จากนั้น ผู้หญิงเจ้าของร้านคนเดิม ก็ยังเดินเข้ามาต่อว่าอีกรอบ บอกให้หยุด และให้ไปส่งเสียงเล่นดนตรีกันที่อื่น เนื่องจากมีคนป่วยเป็นโรคหัวใจ ซึ่งหลังจากที่มีการถูกต่อว่า ทางเจ้าภาพงานแห่ ก็ได้มีการเข้าไปพูดคุยมีปากเสียงกับผู้หญิงเจ้าของร้านตามที่เห็นในคลิปก่อนจะมาบอกให้ตน ร้องเพลงต่อไม่ต้องสนใจอะไร เพราะเขารับปากจะรับผิดชอบเอง ตนจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกจ้างงานต่อไปจนถึงวัด

“สิ่งที่เขาต่อว่ามา ผมก็เข้าใจนะ แต่ผมอยากให้เขาเข้ามาบอก เข้ามาคุยดีดีมากกว่า ที่จะเข้ามาชี้หน้าต่อว่า และมาปาของใส่รถ มันถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลย แล้วอีกอย่าง ขบวนแห่ก็กำลังจะเคลื่อนผ่านหน้าร้านของเขาไปอยู่แล้ว และใช้เวลาไม่นาน ประกอบกับงานแห่งานบวชแบบนี้ ไม่ได้มีการจัดกันทุกวัน เพราะนานๆ จะจัดกันที จึงไม่น่าจะแล้งน้ำใจกันแบบนี้เลย” นายมาร์คกล่าว พร้อมกับระบุทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้น ก็ทราบข่าวว่าทางเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าภาพงานด้วย แต่ไม่รู้ว่าแจ้งข้อหาอะไร

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เกิดปัญหา โดยมีเจ้าของร้านพาผู้สื่อข่าวไปดูเก้าอี้พลาสติก ที่มีรอยแตกร้าวอยู่ข้างหนึ่ง พร้อมกับกล่าวยอมรับว่า เก้าอี้ตัวนี้แหละ ที่ใช้โยนใส่รถแห่งานบวชนาค เพราะเดินไปพูดขอร้องกันดีดีแล้ว ว่าให้ลดเสียงลงหน่อยได้ไหม หรือให้ขับผ่านไปไวๆได้ไหม เพราะที่บ้านมีคนป่วย2คน แต่ไม่มีใครฟังกันเลย

เจ๊หน่อย เปิดเผยว่า ตนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และสามีก็ป่วยด้วยโรคหัวใจเช่นกัน ส่วนวันที่เกิดเหตุ บอกว่า รถบรรทุกขนาดใหญ่ และติดเครื่องขยายเสียง ซึ่งมันดังมากๆ ดังจนกระจกทุกบานในบ้านสั่นสะเทือนไปหมด และด้วยความเป็นห่วงสามี ตนจึงได้เดินเข้าไปกับทางเจ้าภาพงาน โดยขอให้เขาลดใช้เสียงลงหน่อย เพราะมันดังมาก ซึ่งรอบแรกที่คุยกัน ก็ไม่รู้เขาว่ากันอย่างไร ปล่อยให้ดนตรียังมีการเล่นต่อไป ตนจึงเดินออกไปอีกรอบ โดยพยายามบอกกับทางคนขับรถบรรทุกว่าให้เขาเบาเสียง พวกเขาเฮโรกันเข้ามารุมต่อว่าตนกันที่หน้าร้านกันอย่างที่เห็นตามคลิป จึงทำให้ตนเกิดความหวาดกลัว และปาแผ่นกระดาษไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ซึ่งหลายคนก็เข้ามาห้ามด้วย จนเหตุการณ์ผ่านไปได้

เจ๊หน่อย เล่าต่อไปว่า คิดว่าเรื่องมันคงจบไปพอตนเข้าไปนั่งในร้าน ก็ได้ยินเสียงคล้ายกระจกแตก ที่บริเวณหน้าร้าน จึงได้รีบออกไปดู พบมีเศษแก้วของขวดเบียร์ยี่ดังแตกเต็มพื้นไปหมด จึงได้รีบไปเปิดกล้องวงจรปิดเช็คดู ก็พบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ โดยมีคนซ้อนท้าย ใส่เสื้อสีขาว เป็นผู้นำขวดเบียร์ มาขว้างปาบนถนนฝั่งตรงข้ามร้าน ซึ่งในกล้องวงจรปิด สามารถจับแผ่นป้ายทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุไว้ได้ชัดเจน ตนก็ได้มีการไปแจ้งความเอาไว้เช่นกัน ซึ่งตนเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องงานการจัดงานบวช และจะไม่ขอพูดอะไรแล้ว ค่อยไปเจอกันที่ศาลทีเดียวเลย