กู้ภัยใจสู้ ลุยนำร่างชายวัย 50 ออกจากสวนรกร้าง คาดสาเหตุเสียชีวิต “ฮีตสโตรก-ดื่มเหล้า”

เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม เดินเท้าระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ผ่านท้องร่องสวน 7 ร่อง ช่วยกันนำศพนายสุชาติ อายุ 50 ปี ออกจากเพิงพักกลางป่าจากพื้นที่ ม.2 ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ที่มีลักษณะเป็นป่าจากรกร้าง ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตกสะพานเป็นระยะๆ แต่ก็ใจสู้ช่วยกันนำร่างนายสุชาติ ออกมาได้ นอกจากนี้ทั้งตำรวจ และนักข่าว เดินออกมาจากกระต๊อบอย่างทุลักทุเล เจ้าหน้าที่บางคนลื่นล้มหงายท้อง เพราะพื้นดินมีความลื่นและชื้นจากที่น้ำทะเลหนุนเมื่อช่วงเช้า


นายอนุวัฒน์ ภัทรจิตตานันท์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม กล่าวว่า ทำงานกู้ภัยมานานกว่า 10 ปี แล้วผ่านเส้นทางทุลักทุเลมากมาย แต่ไม่เคยเจอที่ต้องผ่านร่องสวนมากมายขนาดนี้ และที่สำคัญต้องเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ท่อนเดียว ทำให้ต้องลื่นตกสะพานลงโคลนกันหลานครั้ง สุดท้ายต้องยอมลุยโคลนจะปลอดภัยกว่า


ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ผดุงศักดิ์ ดวงดาว สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้เสียชีวิตในสวนมะพร้าว ม.2 ต.บางจะเกร็ง จึงไปตรวจสอบพร้อม นพ.วัชระ เล็กพิทยา แพทย์เวร รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม


ในที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักไม่มีเลขที่ชั้นเดียวใต้ถุนสูง บนที่พักพบศพนายสุชาติ ไม่สวมเสื้อ กางเกงขาสั้น สภาพขึ้นอืดเต็มที่ น้ำเลือดน้ำเหลืองเกะกังเต็มพื้นที่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 วัน บนเพิงพักไม่มีร่องรอยการต่อสู้


นายนิพัทธ์ คล้ำจิต กำนัน ต.บางจะเกร็ง กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากลูกบ้านที่เข้ามาหากุ้งในลำประโดงสาธารณะ แล้วได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงมาแจ้งตน และเข้ามาตรวจสอบก็พบว่านายสุชาติ เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นทราบว่า นายสุชาติ ชอบดื่มสุราเป็นประจำ ใช้ชีวิตสันโดษอาศัยอยู่ในเพิ่งพักแห่งนี้ และจะใช้ชีวิตเดินเข้าเดินออกผ่านเส้นทางอันทรหดเป็นประจำทุกวัน กระทั่งมาพบว่าเสียชีวิตแล้ว


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าช่วงนี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับนายสุชาติ ผู้ตายชอบดื่มสุรา จึงอาจทำให้ฮิตสโตรกเสียชีวิตก็เป็นได้ เจ้าหน้าที่จึงมอบญาติประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ฝากเตือนสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม โดยในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็ว มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้