สังคม
เชียงราย-ดอยสะเก็ดอ่วม มลพิษแตะสีม่วง พุ่ง 218 ส่วนค่าฝุ่นเชียงใหม่คว้าอันดับ 3 โลก
โดย paranee_s
17 มี.ค. 2567
73 views
สถานการณ์หมอกควันของพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงอยู่ในช่วงที่วิกฤติหนักที่สุดในรอบปี กว่า 2 สัปดาห์แล้วที่ชาวเชียงใหม่ต้องจมอยู่ในฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งจังหวัดในตอนนี้ สภาพตามท้องถนนในเขตตัวเมืองเชียงใหม่จมอยู่ใต้หมอกควันสีขาวหนาทึบ
ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย สวมเสื้อแขนยาว ตลอดช่วงเวลาที่ต้องออกมาขับขี่ยวดยานหรือที่ต้องออกมาทำกิจกรรมภายนอกอาคาร ภาพมุมสูงจากวัดพระธาตุดอยสุเทพที่อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อมองลงมายังตัวเมืองแทบจะมองไม่เห็นอาคารบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง ส่วนพระอาทิตย์ก็ถูกบดบังจากหมอกควันหนาทึบจนแสงแดดแทบจะไม่สามารถลอดส่องลงมาถึงพื้นได้
โดยเว็บไซต์ https://www.iqair.com/ ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศ และมีการจัดอันดับหัวเมืองทั่วโลกที่มีมลพิษทางอากาศสูง รายงานว่าจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเวลา 8.00 น. ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 180 AQI ค่า PM2.5 วัดได้ 108.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นอกจากสถานการณ์ในประเทศพบว่า เมื่อเวลา 9.00 น. ดอยสะเก็ดและเชียงรายพุ่งคว้าอันดับ 1 อยู่ที่ 218
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเช้านี้ ตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงอยู่ในช่วงที่สูงที่สุดในรอบปีทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่าดัชนีคุณภาพอากาศสูงทั้งหมด โดยที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง, เชียงใหม่ ค่าฝุ่น PM2.5 วัดได้ 109.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 235 AQI ที่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง, เชียงใหม่ ค่าฝุ่น PM2.5 วัดได้ 111.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 237 AQI ที่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ บนดอยสุเทพ ค่าฝุ่น PM2.5 วัดได้ 92.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 218 AQI และสูงที่สุดของเชียงใหม่ อยู่ที่ ตำบลเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ค่าฝุ่น PM2.5 วัดได้ 129.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 255 AQI
ขณะที่จุดความร้อนจากไฟป่าเช้านี้ จังหวัดเชียงใหม่พบจุดความร้อน จำนวน 92 จุด พบในพื้นที่อำเภอ ดอยเต่า 18 จุด แม่แจ่ม 12 จุด เชียงดาว 10 จุดและกระจายตามอำเภอต่างๆ ซึ่งจากตัวเลขพบว่าจุดความร้อนจากไฟป่าลดลงอย่างมาก แต่ควันไฟที่สะสมตัวนานกว่า 2 สัปดาห์นั้นยังรุนแรงวิกฤติหนักเนื่องจากสภาพอากาศร้อนแล้ง ไม่มีกระแสลม หรือฝนลงมาช่วย ก็ทำให้อากาศเป็นมลพิษต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้รอเพียงความหวังเดียวคือฝนฟ้า ที่จะมาช่วยชะล้างมลพิษลงมาจากอากาศ
แท็กที่เกี่ยวข้อง