สังคม

เร่งล่าตัวชายแปลกหน้าขวางรถสาวบนทางด่วน ใช้หมวกกันน็อกฟาด กระจกตะโกนขอไปด้วย

โดย paranee_s

11 มี.ค. 2567

199 views

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ Panhathai Buranaprasoetkun โพสต์เรื่องราวพร้อมคลิปวิดีโอ ระบุว่า บันทึกเหตุการณ์ และ สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ ระหว่างที่ตนเองขับรถออกจากบริษัทและขึ้นทางด่วนตามปกติทุกวัน หลังจากที่จ่ายค่าทางด่วนเสร็จ ผ่านมาระยะไม่ถึง 150 เมตร ตนเองได้พบกับชายคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ในมือถือหมวกกันน็อก เดินออกมาขวางถนนทำให้ตนเองต้องชะลอรถ


จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินพุ่งเข้ามาที่ด้านข้างรถของตน บริเวณฝั่งคนนั่ง จากนั้นได้กระชากประตูรถอย่างแรง แต่โชคดีที่ตนเองล็อกประตูไว้ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ดึงประตูรถหลายครั้งและเอามือทุบกระจกฝั่งคนนั่ง พร้อมตะโกนว่า “ขอลงด้วย ขอลงด้วยเด้” ซึ่งตอนนั้นตนเองเห็นท่าทีแล้วไม่น่าไว้ใจจึงตัดสินใจเคลื่อนรถออกช้าๆ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ใช้หมวกกันน็อกทุบที่กระจกด้านหลังฝั่งซ้ายซึ่งทำให้ตนเองตกใจเป็นอย่างมาก


ต่อมาทีมข่าว ได้พูดคุยกับนางสาว ปานหทัย บูรณประเสริฐกุล ผู้โพสต์เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 เวลา 13.24 นาที ในขณะที่ตนเองทำงานย่านนางลิ้นจี่กำลังเดินทางกลับคอนโดย่านห้วยขวาง ตนเองเลือกที่จะขึ้นทางด่วนตามปกติ (ณ ทางด่วนด่านเลียบแม่น้ำ ถ.พระราม3 ช่องนนทรี) หลังจากจ่ายค่าทางด่วนเสร็จขับมาสักพักตนเองเห็นชายวัยกลางคนพร้อมถือหมวกกันน็อคในมือยืนอยู่บนทางด่วน ซึ่งห่างจากด่านเก็บตังค์ไม่ถึง 150 เมตร จังหวะเดียวกันรถทางด้านขวามือ ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย มาในเลนส์ของตนเอง ตนเองจึงชะลอรถและไฟผ่าหมาก


จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ออกมายืนขวางหน้ารถ “ซึ่งตนเองเป็นผู้หญิงที่ขับรถคนเดียวไม่มีเจตนาที่จะจอดรถเพื่อรับคนแปลกหน้าให้ขึ้นรถไปด้วย” ทำให้ตนเองขับรถต่อไปไม่ได้แล้วผู้ชายคนดังกล่าวก็เดินมาที่ประตูฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าและพยายามเปิดประตูแต่เปิดไม่ออกเพราะประตูถูกล็อกอยู่สงสัยเก่าประตูแรงมากและหลายครั้ง ทำให้ตนเองรู้สึกตกใจกลัว ทำอะไรไม่ถูก แล้วชายคนนั้นก็เอามือตีกระจกรถพร้อมตะโกนว่า “ไปลงด้วยได้มั้ย! ผมขอลงหน่อย! ผมขอไปลงข้างหน้าหน่อยเด้!!! “แล้วผู้ชายคนนั้นก็เอาหมวกกันน็อกฟาดที่กระจกฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง


ในขณะที่ตนเองค่อยๆ เคลื่อนรถไปข้างหน้าด้วยความกลัว คิดแค่ว่าต้องเอาตัวเองออกจากบริเวณตรงนั้น พอพ้นจุดนั้นตนเองรีบโทร 1543 เล่าให้ เจ้าหน้าที่ปลายสายฟังว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไปจัดการกับผู้ชายคนนั้น เพราะรู้สึกว่าเขาอันตรายมาก ทาง จนท.ปลายสายแนะนำว่าหากต้องการแจ้งความ ให้ไปที่ สน.ทางด่วน1 ตรงคลองเตย


แต่พอโทรไปติดตามว่าได้ผลอย่างไรบ้างทางเจ้าหน้าที่กลับบอกว่าชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถแท็กซี่และไปลงแถวรามคำแหง


จากนั้นตนเองทำการแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้รับการดูแล และให้คำแนะนำที่ดีมากๆ จากคุณสารวัตรที่รับเรื่อง และ มีทีมจากพิสูจน์หลักฐานตำรวจทำการเก็บลายนิ้วมือของผู้ก่อเหตุแล้ว


ตนเองอยากฝากถึงชายคนดังกล่าวว่า เราไม่รู้จักคุณ เราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร คุณไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง คุณมีปัญหาชีวิตอะไร แต่พฤติกรรมที่คุณทำคือการคุกคามและทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น คุณไม่แม้แต่จะพูดจาดีๆ ขอร้องดีๆ ไม่ให้แม้แต่คนบนรถได้ลดกระจกพูดคุยสอบถามที่มาที่ไป หรือให้โอกาสคนๆ นั้นได้คิดตัดสินใจว่าจะรับคุณขึ้นรถรึป่าว แต่คุณตีกระจก ทุบรถเราเลย ถึงคนๆ นั้นจะไม่ให้คุณโดยสารไปด้วย มันก็คือสิทธิ์ของเขา คุณไม่มีสิทธิ์คุกคามและทำลายทรัพย์สินของใคร


ต่อมา ทีมข่าวได้โทรสอบถามความคืบหน้าทางด้านคดี ซึ่งได้ข้อมูลจาก พ.ต.ท.บงกช แก้ว สุวรรณ์ เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไล่กล้อง วงจรปิด รวมถึงขอกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ทางด่วนพิเศษ แต่ยังไม่รู้ชายคนดังกล่าว เข้ามาภายในทางด่วนได้อย่างไร แต่จากกล้องเห็นว่า ชายคนดังกล่าวได้โบกขึ้นรถแท็กซี่ไป จึงมีการประสานไปยังคนขับรถแท็กซี่ แล้วได้ข้อมูลว่า ได้รับชายคนดังกล่าวจริง ไปส่งที่ รามคำแหง 81 ค่าโดยสาร 160 บาท แต่มีเงินจ่ายแค่ 120 บาท ส่วนพฤติกรรมตอนอยู่บนรถ ก็ปกติดี ไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่ก็ยังให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาข้อมูลต่อ


ในส่วนของผลพิสูจน์หลักฐาน ตนเองได้เรียกทีมพิสูจน์หลักฐานมาเก็บลายนิ้วมือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเปรียบเทียบลายนิ้วมือแล้วพบว่า เคยมีประวัติเป็นผู้ต้องหา หรือประวัติอาญากรรม ก็จะรู้ตัวว่าเป็นใคร สามารถเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่ถ้าไม่มีประวัติอาญากรรมก็จะไม่พบข้อมูลในระบบ


เบื้องต้น เข้าค่ายในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ และทำให้ตกใจกลัว หากเจอผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ