ตร. เร่งไล่ล่าคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดร้านกาแฟดังในปั๊ม เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ

วันนี้(10 มี.ค.67) ได้เกิดเหตุคนร้ายข้างระเบิดใส่ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน พื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย แม้ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ถือเป็นการกระทำรุนแรง ตำรวจจึงกำลังเร่งสืบหาคนร้ายรายนี้ หรือกลุ่มนี้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี สอบสวนขยายผล


ตำรวจ 2 นาย นั่งคุยกับ นายกฯ อบต.น้ำดำ ที่ร้านคาเฟ่ภายในปั้มปตท.ทุ่งยางแดง หมู่.6 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี จู่ๆ ก็มีคนโยนแท่งเหล็กเข้ามาในร้าน เจ้าหน้าที่ทั้งสาม รู้ทันทีว่า นั่นคือ ไปป์บอมป์ จึงกระโดดหนีบ้าง หมอบบ้าง ก่อนจะที่ระเบิดจะทำงาน แรงระเบิดทำให้กระจกร้านแตกกระจายเสียหายทั้งหมด โต๊ะเก้าอี้ล้มระแนระนาด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลทุ่งยางแดง ทราบชื่อ นายซอบรี เปาะซู เป็นนายก อบต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง 1 ใน 3 ที่นั่งคุยในร้านนั่นเอง

ตำรวจได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบกระบอกเหล็กทรงกลมอยู่อยู่ที่พื้นและมีชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณเจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน


ด้าน พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่กองอำนวยการภาค4ส่วนหน้า ต้องดำเนินการเพื่อให้พื้นที่ปลอดเหตุ และเพื่อบรรยากาศที่ดีในช่วงของเดือนรอมฎอนนั้น คือการลดระดับการปิดล้อมในพื้นที่ ยกเว้นมีความจำเป็นจริงๆ หรือเป็นเป้าหมายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ส่วนด่านตรวจก็จะมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกของประชาชน อีกทั้งป้ายหมายจับที่ด่านตรวจ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่ไม่สามารถละเว้นได้ แต่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบของป้ายหมายจับ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบของความรู้สึกของประชาชน


อย่างไรก็ตามทางแม่ทัพภาคที่4 มีความเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยของกำลังพล ซึ่งเราได้มุ่งเน้นให้จ้าหน้าที่ประกอบศาสนากิจภายในฐานปฎิบัติการเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะ 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ก็จะมีการเน้น และกำชับให้ดูแลฐานปฎิบัติการอย่างเข้มงวด และกิจกรรมที่จะเดินทางไปละศีลอดกับประชาชนนั้น ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง ยกเว้นการจัดงานในภาพรวมเท่านั้น


ขณะที่ตำรวจในพื้นที่ เชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ พยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อหวังสร้างสถานการณ์


อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการ สภ.ทุ่งยางแดง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนสนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายในพื้นที่แกะรอยติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว โดยเฉพาะตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัวทั้งบริเวณที่เกิดเหตุและจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในรัศมี 500 เมตร เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2-4 คน และเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ เนื่องจากรู้เส้นทางหลบหนี