มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผย อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง ทหารใช้ปืนยิง “ชัยภูมิ ป่าแส” เสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ทนายความมารดาของ ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชาติพันธุ์ลาหู่ ได้รับหนังสือแจ้งผลคดีจากสถานีตำรวจภูธรนาหวาย มีใจความว่า

“หลังจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อมีคำสั่ง อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีฆาตกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิง นายชัยภูมิ ป่าแส เมื่อปี 2560” ทั้งนี้อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2564 ก่อนที่ สภ.นาหวาย ส่งหนังสือแจ้งผลคดีมายัง นางปอย ป่าแส เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา เป็นเวลาเกือบ 3 ปีให้หลัง

ในส่วนของคดีแพ่งที่มารดาของชัยภูมิ เป็นโจทก์ฟ้องค่าเรียกค่าสินไหมทดแทนจากกองทัพบกเป็นจำเลย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 เมื่อปี 2562 ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2566 ศาลฎีกา มีคำสั่งให้กองทัพบกชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส เป็นจำนวนเงิน 2,072,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2560 ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนชาติพันธุ์และคนไร้สัญชาติในประเทศไทย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถยนต์นายชัยภูมิ ที่ขับมาพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน เมื่อผ่านด่านตรวจดังกล่าว นายชัยภูมิ ป่าแส ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจค้นแล้วใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่านายชัยภูมิขัดขืนและพยายามทำร้าย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมกันจับตาและติดตามความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมดังกล่าวและการชดใช้ค่าเสียหายของกองทัพบกในคดีแพ่งต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า ชัยภูมิ ป่าแส และครอบครัว จะได้รับความเป็นธรรมในที่สุด และเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษ ตามความร้ายแรงของความผิด เพื่อยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ