ทนายเดชา ชี้คนเจ็บถูกลิงแย่งถุงอาหาร ฟ้องเอาผิดกรมอุทยานฯได้ ผู้เสียหายผวา เบอร์ลึกลับโทรขู่ ไม่ให้ฟ้องลิง

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความโพสต์หญิงที่ถูกลิงทำร้ายร่างกายจนหกล้มและสะบ้าเข่าหลุดติดต่อทนายเดชาให้ฟ้องลิง เป็นคดีตัวอย่าง เพราะมีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย 5555

ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้โทรไปสอบถาม ทนายเดชา ยืนยันว่า เมื่อวานนี้ น้องของผู้เสียหาย ได้โทรศัพท์มาปรึกษาตนเอง ว่าต้องการที่จะฟ้อง เพราะรู้สึกโกรธ ที่ทำให้ถึงปล่อยลิงมาทำร้ายร่างกายพี่สาวจนบาดเจ็บสาหัส และทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงมาปรึกษาว่าจะฟ้องได้หรือไม่ ทางทนายเดชาจึงบอกไปว่าสามารถฟ้องร้องได้

ทนายเดชา ยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก หรือ ขำ เพราะอย่างเช่นเวลาเดินอยู่แล้วโดนหมากัด ก็สามารถฟ้องเจ้าของสุนัขได้ เช่นเดียวกันกับลิง ใครเป็นเจ้าของลิง เจ้าของก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยแบ่งเป็นการรับผิดชอบทางแพ่ง เป็นการรับผิดทางละเมิด การละเว้นปล่อยปละละเลย ไม่มีมาตรการป้องกัน ตามสมควร ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ส่วนมาตรการทางอาญา ก็สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่อุทยานประจำจังหวัดลพบุรี เพราะมีหน้าที่ต้องป้องกัน แม้จะใช้วิธีป้องกันแต่ยังไม่เพียงพอ เราก็อาจจะฟ้องเอาผิดตามมาตรา 157 ซึ่งก็มีมูลพอที่จะฟ้องได้ ส่วนที่ตามระเบียบของกรมอุทยานฯ ระบุว่า สามารถฟ้องร้องได้คือสัตว์สองชนิด คือช้างและกระทิง ส่วนลิงไม่ได้บรรจุอยู่ในนั้น

ทนายเดชา ระบุว่า มันเป็นระเบียบภายในของเค้า แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าลิงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน แต่กลับปล่อยปละละเลย มันเป็นหน้าที่ของคุณ ขนาดเด็กนักเรียนไปไหนมาไหน จะต้องถือปืนฉีดน้ำ แต่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร และตนเองก็ฟังกันให้สัมภาษณ์ที่ว่า ถ้าลิงกัดให้วิ่งหนี ตนเองมองว่าทำไมต้องวิ่งหนี และมองว่าวิธีการแก้ปัญหาของกระทรวง และกรมทำได้เพียงเท่านี้หรือ

ถ้าฟ้อง ก็สามารถดำเนินการได้ไม่มีอุปสรรคปัญหา มันจะได้มีบรรทัดฐาน เจ้าหน้าที่จะได้เห็นหัวประชาชนบ้าง เห็นหัวลิงอย่างเดียว แต่ไม่เห็นหัวประชาชน ขนาดฝรั่งที่ภูเก็ตยังเพิกถอนวีซ่า แต่กรมอุทยานยังไม่เพิกถอนวีซ่าลิง แทนที่จะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น

ล่าสุดทนายเดชา บอกว่า ทางผู้เสียหายแจ้งว่ามีคนโทรไปข่มขู่ ไม่ให้ฟ้องลิง กรมอุทยานฯ พูดทำนองว่า คนอื่นก็โดนลิงกัดก็ต้องทนๆไป เราเป็นคนลพบุรี ซึ่งทางผู้เสียหายไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใครเป็นเจ้าหน้าที่หรือคนทั่วไป ซึ่งก็งงว่ารู้เบอร์โทรของผู้เสียหายได้อย่างไร จึงทำให้เกิดความกลัว