กะเทยฟิลิปปินส์ยกมือไหว้ขอโทษคนไทย “แชมป์-วุ้นเส้น” เดินทางเข้าไกล่เกลี่ย

วันนี้ (6 มี.ค.) นายแชมป์ ที่ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายกะเทยฟิลิปปินส์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย หลังผู้เสียหายชาวฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายแชมป์ก็ยินยอมที่จะไกล่เกลี่ย และมีเจ้าหน้าที่ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่าย โดยอยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย


ในขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้นำตัวนายมิรันด้า และนายแคสโตร 2 กะเทยฟิลิปปินส์ ที่รุมทำร้าย 6 กะเทยไทย เมื่อคืนวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา หรือคืนก่อนเหตุการณ์ชุลมุน ไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้ต้องหาคนแรกใส่แว่นดำและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ส่วนอีกคนใส่เสื้อมีฮู้ดคลุมและก้มหน้าตลอดเวลา


โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ต้องหาก็ยกมือไหว้ขอโทษ บอกว่าฉันอยากจะขอโทษชาวไทย ฉันรักชาวไทยและฉันรักชาวฟิลิปปินส์ ฉันขอโทษทุกคนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ฉันแค่เข้าใจผิด แต่ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับพวกเรา ฉันหวังว่าทุกอยากจะโอเค ก่อนจะขึ้นรถตู้ตำรวจและเดินทางออกไปจาก สน.ลุมพินี


โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาทุกอย่างว่าก่อเหตุจริง ดังนั้นเมื่อส่งฟ้องต่อศาลแล้ว ก็จะต้องส่งผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ไปให้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกักตัวไว้ และจะพิจารณาว่าจะผลักดันกลับประเทศ หรือจะขึ้นแบล็คลิสต์ผู้ต้องหาไม่ให้กลับเข้าประเทศไทยหรือไม่


ต่อมาเวลา 15.15 น. คุณวุ้นเส้น ได้เดินทางมายังสน.ลุมพินี เพื่อเดินทางมาไกล่เกลี่ย และพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องการคุมตัวผู้ต้องหา เพราะปัจจุบันมีการคุมตัวผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ได้เพียง 3 คน แต่เท่าที่ดูในคลิปนั้นมีมากกว่า 10 คน  เจ้าตัวเผยว่า ตนยังไม่พอใจกับการไกล่เกลี่ยกับคนฟิลิปปินส์ 3 คน


ส่วนของคดีจะมีความคืบหน้าอย่างไรคงต้องปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน ซึ่งยืนยันว่าตนจำหน้าของผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด เพียงไม่รู้ว่าตอนนี้มีการกระจายไปอยู่ในพื้นที่ไหนบ้าง เพราะกลุ่มสาวสองชาวฟิลิปปินส์ได้ออกจากที่พักหลังจากเกิดเหตุ ในวันที่ 4 มีนาคม ตั้งแต่เช้า


ส่วนการไกล่เกลี่ย และชดใช้ค่าเสียหายยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน และอยากให้ตำรวจตามตัวผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ที่อยู่ในคลิปมาให้ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้อคติกับคนฟิลิปปินส์ เพียงแต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นรายบุคคล ตนมองว่าเรื่องแบบนี้คุยกันได้ ถ้าฝั่งสาวสองชาวฟิลิปปินส์พูดขอโทษ ก็ให้ถามไปยังคนไทยว่าให้อภัยไหม ถ้าทุกคนให้อภัยเรื่องก็จบ