สังคม

ชาวบ้านรวมตัวกินน้ำสาบาน แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังเงินวัดหาย 4 แสนบาท

โดย jeeraphat_d

5 มี.ค. 2567

2.5K views

ชาวบ้าน บ้านโนนขวาง ต.นาโพธิ์ อ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมใจกันไปร่วมกิจกรรมการกินน้ำสาบาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ กรณีที่ก่อนหน้านั้น กรรมการวัด 5 ท่าน ไปเบิกเงินที่สงฆ์ที่ฝากไว้ 1,000,000 บาท มาเพื่อใช้จ่ายค่าก่อสร้างวิหาร และเตรียมไว้ เป็นค่าหมอลำในงานบุญประจำปีกลับมาที่วัด โดยได้แบ่งให้เจ้าอาวาสเก็บไว้ 100,000 บาท เพื่อเป็น ค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟและอื่นๆ แล้วนำเงิน 900,000 บาทท ได้มอบให้นาย นายพิรุณ กำนันตำบลนาโพธิ์ นำไปใส่ไว้ในตู้เซฟ 2 ใบของวัดที่ตั้งในวิหารหลวงปู่โชคชัย โดยต้องไปเอากุญแจตู้เซฟ ทั้ง 2 ใบ ที่ นายวิจารย์ อดีตนายกอบต.เป็นผู้เก็บกุญแจ มาเพื่อเปิดตู้เซฟ แล้วรับเงินจากเจ้าอาวาส 900,000 บาท ให้กำนันนำมาแยกใส่ตู้เซฟ ใบแรก 500,000 บาท และใส่ตู้เซฟใบที่ 2 จำนวน 400,000 บาท โดยการนำเงินใส่ตู้เซฟทั้งหมด เป็นกำนันดำเนินการเก็บเงินเข้าตู้เซฟเพียงลำพังเอง โดยเจ้าอาวาสไม่ได้ยืนเฝ้า หรือดูการนำเงินที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ใส่ตู้เซฟทั้ง 2 ใบ ที่ตั้งอยู่ในวิหารแต่อย่างใด


ต่อมาทางวัดได้ทำการย้ายตู้เซฟทั้ง 2 ใบ ออกจากวิหาร เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567 เพื่อทำการก่อสร้างบูรณะวิหาร จึงนำตู้เซฟทั้ง 2 ใบไปเก็บไว้ที่ใหม่เป็นการชั่วคราว โดยนำไปเก็บไว้ในกุฎิ หลวงตาตุ๊ ซึ่งเป็นพระลูกวัดสูงอายุรูปหนึ่งในวัดเป็นคนเฝ้า และ


ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 กรรมการวัด ประสงค์จะนำเงิน 200,000 บาท ไปจ่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง จึงให้ นายพิรุณ กำนันตำบลนาโพธิ์ ไปนำกุญแจ ที่ นายวิจารย์  อดีตนายกอบต.ซึ่งเป็นคนถือกุญแจ มาเปิดเอาเงิน จากตู้เซฟใบที่ 1 ที่เก็บเงินไว้ 500.000 บาท แต่หลังจากไปเปิดตู้เซฟดังกล่าว กลับพบว่ามีเงินเพียง 100,000 บาท เท่านั้น จึงแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดและกรรมการวัดทราบว่าเงินหาย ไปอย่างไร้ร่องรอย จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งหลังจากแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในข่ายต้องสงสัย ทุกคนไปสอบสวนปากคำ เพื่อคนผิดมาดำเนินคดี แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ


โดยสรุปว่าสาเหตุที่เงินหายน่า กรรมการวัด ทั้งคนถือกุญแจ และแม้แต่กำนันก็น่าจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะมีการให้ข้อมูลว่า เหตุที่เงินหาย น่าจะเกิดจากการเปิดตู้เซฟ แล้วปิดไม่ดี หรือลืมปิดเป็นต้นเหตุของเงิน 400,000 บาทหายไป แต่ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่ง ไม่เชื่อว่าจะเปิดจากการลืมปิดตู้เซฟ เป็นเหตุให้เงินถูกขโมย เพราะเชื่อว่าถ้าขโมยลักจริง คงลักไปหมด โดยไม่เอาไป 400,000 บาทเท่านั้น ทำให้เชื่อว่าจนลักเงินต้องเป็นคนใน แต่ไม่มีใครยอมรับ


และล่าสุด หลังจากที่มีการแจ้งความ จนเกือบจะครบ 1 เดือน แล้วคดียังไม่คืบหน้า และยังไม่ได้มีข้อยุติ และยังจับใครไม่ได้ ชาวบ้านก็เกรงว่า คดีเงินเงินหาย 400,000 บาท จะกลายเป็นมวยล้ม โดยจับใครไม่ได้


ดังนั้นชาวบ้านจึงรวมตัว ยืนข้อเสนอไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกคน หาทางออกด้วยการหาคนร้ายที่ก่อเหตุมารับโทษ ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งนอกเหนือจากขบวนการทางกฎหมาย ด้วยการให้มีการทำพิธีกรรม ทางความเชื่อทางไสยศาสตร์ มาใช้ เรียกให้ผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย และน่าจะเกี่ยวข้องกับการดูแลเงินทุกคน มากินน้ำสาบาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในช่วงรอการทำงานของตำรวจ ด้วยพิธีกรรมทางไสยศาตร์ควบคู่กันไป


ซึ่งเมื่อเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ ของชาวบ้าน ที่แตกเป็น 2 ฝ่าย จากฝ่ายที่มองว่าเหตุดังกล่าว กำนัน ถือว่าเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด

ในขณะที่อีกฝ่าย ที่เชื่อมั่นว่า กำนัน บริสุทธิ์ จึงมีความเห็นตรงกันว่า ขอให้มีการกินน้ำสาบานกัน ในวิหาร ต่อหน้าหลวงปู่โชคชัย เพื่อให้คนที่ไม่บริสุทธิ์ได้รับโทษและรับกรรมด้วยการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีมติให้จัดพิธีกรรมกินน้ำสาบานขึ้น


โดย กำนันบอกว่าตนเอง ยินดีทำตามคำต้องการของชาวบ้าน ในการให้มากินน้ำสาบาน ตนเองก็ยินดี แต่ตนเองเห็นว่า ให้ตนเองกินเพียงผู้เดียว ก็น่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงต้องการ ขอให้ทุกคน ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันกินน้ำสาบานทุกคน ทั้ง พระรูปที่ เป็นเจ้าของกุฏิ ที่เก็บตู้เซฟ และญาติพี่น้อง ของพระรูปดังกล่าวทุกคน และทุกคนที่อยู่ในข่ายสงสัย ให้ร่วมกันกินน้ำสาบาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และเพื่อความสบายใจ ของ กรรมการวัด ชาวบ้าน ทุกคน ซึ่งชาวบ้านก็เห็นด้วย ถ้าร่วมเป็นสักขีพยาน ในการดื่มน้ำสาบาน ที่จัดขึ้น โดยให้ชาวบ้าน เป็นคนชี้ว่า หากสงสัย ใครหรือใครที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ก็ให้บอก แล้วก็ให้ทุกคนมาร่วมกันดื่มน้ำสาบาน พร้อมกัน


และเมื่อทุกคนมาพร้อมกัน เจ้าอาวาสวัด ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้มีการกินน้ำสาบาน ที่ทำขึ้นจากน้ำในโอ่น้ำมนต์ของหลวงปู่โชคชัย ที่ชาวบ้านต่างรู้ถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์


พระครูพิทูล อนันโท เจ้าอาวาสวัดได้ให้การปรึกษาและความเห็นของชาวบ้านว่า ยังยืนยันที่จะทำพิธีดื่มน้ำสาบานหรือไม่ เสนอแนะของเป็นการกล่าวปฏิญาณตนแทนดีหรือไม่ โดยให้ทรรศนะว่าหลวงปู่โชคชัยเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหากดื่มน้ำสาบานอาจะเป็นการเกิดเหตุเภทภัยอันตรายกับผู้กระทำความผิดที่ไม่ยอมรับแล้วมาดื่มน้ำสาบานแล้วอาจจะเกิดเหตุ-เภทภัยขึ้นได้


แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างลงมติว่าต้องการให้มีการดื่มน้ำสาบาน จึงมีการดำเนินการตามความต้องการให้ ภายในวิหารต่อหน้า องค์พระหลวงปู่โชคชัย ในวันพระ ซึ่งเชื่อว่าเป็นวันแข็ง ประกอบพิธี


ด้วยการทำพิธีจุดธูปบวงสรวง และแจ้งเจ้าที่เจ้าทาง โดยนางกัญญา ตลาดขวัญ นายกอบต.คนปัจจุบัน เป็นคนดำเนินการ ก่อนทำพิธี ตักน้ำมนต์จากโอ่งน้ำมนต์ หน้าองค์พระหลวงปู่โชคชัย มาประกอบพิธี ทำขันธุ์ 5 บูชาแล้วดื่มน้ำสาบาน โดยผู้ดื่มน้ำสาบานคนแรก คือ พระครูหรือหลวงตาตุ๊ เจ้าของกุฏิที่ตั้งตู้เซฟเก็บเงิน ดื่มน้ำสาบานเป็นคนแรก จากนั้นเป็น นายวิจารย์ เพิ่มพูน อดีตนายกอบต.ซึ่งเป็นคนถือกุญแจ แล้วต่อด้วยนายพิรุณ วิลาจันทร์ กำนันตำบลนาโพธิ์ ซึ่งรับผิดชอบเป็นผู้นำเงินเข้าไปเก็บในตู้เซฟ รวมทั้งทำหน้าที่ เอากุญแจจากอดีตนายก ไปดำเนินการเปิด-ปิดตู้เซฟ เอาเงินเข้า-ออก เพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีคนรู้เห็นด้วยโดยตลอด และดื่มน้ำสาบานต่อด้วย เครือญาติทุกคน ที่มาอยู่พักค้างในกุฏิ ดูแลอาการป่วย หรืออาพาธ ของพระครูหรือหลวงตาตุ๊ เป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่ต่อมา กำนันจะเอากุญแจมาเปิดเพื่อเอาเงินไปจ่ายงวดค่าก่อสร้างวิหารให้กับผู้รับเหมา แล้วจึงไปบอกทุกคน ว่าพบว่าเงิน 500,000 บาท หมายไป 400,000 บาท ซึ่งยังไงก็ เชื่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีเงื่อนงำท่ามกลางความเห็นต่าง และต่างความคิด ของแต่ละคนที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่แต่ละคนที่เกี่ยวข้อง ต่างก็มีความคิด ที่ผิดแผก แตกต่างกันต่างๆนาๆ


นายพิรุฬห์ กำนัน ต.นาโพธิ์ กล่าวว่า ในขณะที่ ตอนนั้นที่ หลายคนสงสัย เนื่องจาก ปกติจะเป็นคน นำกุญแจ จากนายกเก่า มาเปิดตู้เซฟ ซึ่งมาร่วมกินน้ำสาบานด้วย กล่าว กับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนจะเดินทางกลับสั้นๆว่า ตนเองได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว พร้อมกับบอกว่าตนเอง ยืนยันหน้าได้ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ พยานหลักฐานต่างๆ แล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป็นผู้ ตัดสิน โดยจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของตำรวจ ส่วนกรณีที่ถามว่าตนเอง เป็นผู้เก็บ กุญแจตู้เซฟ ใช่ หรือไม่นั้น กำลังตอบแต่เพียงว่า อยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่บอกว่าอยู่กับใคร และย้ำ แต่เพียงว่า กุญแจอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ก่อนจะเดินทางกลับ ออกไปจากวิหาร ที่จัด ให้มีการกินน้ำสาบาน


นางนรมล กล่าวว่า ในส่วนของชาวบ้านที่สนับสนุน และเชื่อในตัวกำนันว่า เป็นผู้บริสุทธิ์และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยกล่าวว่าตนเองเป็นลูกบ้าน ที่เชื่อมั่นในตัวกำนัน และให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปเรียบร้อยแล้ว.ยืนยันว่ายังไงก็คือผู้บริสุทธิ์ เพราะกำนันไม่ได้เป็นคนเก็บกุญแจ ดังนั้น เงินที่หายไป ยังไงๆ พ่อเชื่อมั่นในตัวกำนันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น หากจะสงสัย รายการที่มีเสียงชาวบ้านอีกคน กล่าวแทรกมาว่า น่าจะสงสัยคนที่นอนเฝ้า ตู้เซฟ มากกว่า


ส่วนนายวิจารย์ อดีตนายกอบต เสื้อคอกลมสีเหลือง กล่าวว่า ในส่วนของข้อเท็จจริงตนเองก็ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไปแล้วเช่นกัน ในฐานะคนที่เก็บกุญแจ ตู้เซฟ ใบที่เงินหายไป 400,000 บาท แต่ยืนยันว่าตนเองไม่เคยไขกุญแจเปิดตู้เซพ


ในขณะที่หลวงตาตุ๊ เจ้าของกุฏิ ที่กรรมการวัด ย้ายตู้เซฟจากวิหาร มาเก็บไว้ในห้อง กล่าวว่า ตนเองไม่รู้ เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งมีเงินกี่ล้านกี่แสน ในตู้เซฟ ต้นนี้ก็ไม่ทราบ แม้แต่การกล่าวว่ามีเงินในตู้เซฟ ใบละ 5 แสนบาท เท่านี้ก็ไม่ ได้มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้เรื่องเลย ว่ามีจริงหรือไม่ และเงินที่บอกว่าหายก็หายในช่วงที่ตนเองไม่สบาย และมีญาติมาเฝ้าไข้จริง แต่ก็ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจาก ไม่มีกุญแจ และไม่รู้เลยว่า ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร และ บอกอะไรไม่ได้ เนื่องจากตนไม่เคยเห็นเงิน ที่อ้างว่ามี และอ้างว่าหาย ใดๆทั้งสิ้น และจะมีเงิน 500,000 บาทในตู้เซฟ จริงหรือไม่ตัวเองก็บอกไม่ได้ และตัวเองก็ไม่มีกุญแจ ถึงแม้จะมีก็เปิดไม่เป็น และตนก็อ่านหนังสือไม่ออก เมื่อเขาเอาตู้เซฟมาไว้ในกุฏิ ตนเอง มีหน้าที่เพียงแค่นอนเฝ้าอยู่เฉยๆ และยอมรับว่า ในช่วงที่ตนเองป่วย ก็มีลูกหลาน มาเฝ้า อยู่ในกุฏิจริง ก็ไม่มีกุญแจเปิด ในขณะที่ตนเองก็อ่านหนังสือไม่ออก และ ถึงแม้จะต่อให้มีกุญแจ ก็คงเปิดไม่เป็น มีกุญแจ ไม่รู้แม้แต่รหัสเปิด จึงยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการไปร่วมดื่มน้ำสาบาน ที่จัดขึ้นร่วมกับชาวบ้านด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ