ข่าวโซเชียล

โต้ดรามา ขายลูกชิ้น เคาะหม้อดัง ก็แค่พวกแอนตี้แฟน ชอบปั่น คนในหมู่บ้านยัน เสียงหมาเห่ายังดังกว่า

โดย thichaphat_d

1 มี.ค. 2567

485 views

ดรามา หนุ่มสมุทรปราการไลฟ์ขายลูกชิ้น เคาะหม้อเสียงดัง จนข้างบ้านต้องย้ายคนป่วยหนี เจ้าตัวแจงพวกดรามาเป็นแอนตี้แฟนที่ชอบมาปั่นสร้างกระแส ส่วนคนที่อ้างต้องย้ายผู้ป่วยติดเตียง ก็เป็นแค่พวกหมั่นไส้ ที่มีอคติ ไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว ขณะที่คนในหมู่บ้านเผย ก็ไม่ได้ยินเสียงดังอะไรขนาดนั้น เสียงหมาเห่ายังดังกว่า

จากกรณีที่เพจ อีซ้อขยี้ข่าว ออกมาโพสต์แฉหนุ่มรายหนึ่งที่ไฟล์สดขายลูกชิ้นทอดหน้าบ้านสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน โดยมีการระบุข้อความในโพสต์ว่า


“คิดดูว่าเคาะจนเพื่อนบ้านข้างๆ ที่มีผู้ป่วยติดเตียงต้องย้ายออก เสียงดังโป๊กเป๊ก เอาที่คืบเคาะวนในหม้อ ทอดทิพย์ทั้งที่ไม่มีลูกชิ้น ไม่ก็ยกถาดวางกระแทกโครมครามตลอดทั้งไลฟ์...บ้านข้างๆ เดิมมาเตือนดีๆ หลายครั้ง ก็ไลฟ์สดเดินไปกวนตรีนเค้า”

หลังจากที่มีการเผยแพร่โพสต์ดังกล่าวออกไป หนึ่งในสมาชิกซึ่งคาดว่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างบ้านติดกับหนุ่มรายนี้ ออกมาแสดงความคิดเห็นระบุว่า ผมกำลังพาลูกสาวและยายที่ป่วยติดเตียงไปอยู่ที่อื่น ขอบคุณทุกความเห็นอกเห็นใจครับ


ขณะที่มีบางคลิปเผยว่า หนุ่มพ่อค้ารายนี้มีการไลฟ์เดินไปยังบ้านของผู้ป่วยติดเตียง ด้วยความคาใจว่า บ้านหลังดังกล่าวว่าไม่พอใจอะไรเขาหรือไม่ หากทำอะไรไม่พอใจก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ซึ่งชายในบ้านหลังดังกล่าวพยามอธิบายว่าเสียงดังจริงและในบ้านมีเด็กเล็กและคนแก่ที่ป่วยติดเตียง แต่ดูเหมือนว่าพ่อค้ารายนี้ยังคงคาใจและติดใจกับคนในบ้านหลังนี้ ทำให้คนในบ้านต้องพาไปดูคนป่วยที่นอนติดเตียงในบ้าน ให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วยที่ต้องการพักผ่อนจริง

ขณะที่ชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากันออกมาวิจารณ์ถึงความเหมาะสม กับพฤติกรรมในไลฟ์ขายลูกชิ้นทอดของพ่อค้ารายนี้ ซึ่งจากคลิปจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวไม่มีการนำลูกชิ้นลงหม้อทอดแต่อย่างใด และใช้ที่คีบลูกชิ้นลงไปวนเคาะอยู่ในหม้อเพื่อให้เกิดความเสียงดัง รวมถึงการวางสิ่งของกระแทกที่ถาดบนโต๊ะ


ล่าสุดเมื่อช่วงเย็น วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ มายังบ้านของนายศฤงคาร (ออดี้) สุริยวงศ์ อายุ 27 ปี เจ้าของ TikTok นามว่า ฮิโรชิ ได้เปิดบ้านให้ทีมข่าวเข้าไปดู พบว่า ภายในห้องนอนเป็นไปตามคลิปที่น้องได้มีการถ่ายลง TikTok เอาไว้ โดยมีฟูกสีเขียววางไว้ที่พื้น และบริเวณรอบห้องก็จะพบลังกระดาษ ซึ่บอกกับทีมข่าวว่า มีตะกร้าขายขนมพวกทอฟฟี่-ลูกอมทั่วไป ซึ่งนายศฤงคารก็ยืนยันว่า นอนตรงนี้จริงๆ พร้อมทั้งได้พาทีมข่าวไปดูบริเวณห้องครัวหลังบ้าน ที่ปรากฏตามในคลิป

โดยนำหม้อและที่จับมาเคาะให้กับทางทีมข่าวฟัง ซึ่งเท่าที่ทางทีมข่าวได้ยินก็อยู่ในระดับที่คนปกติทำกับข้าวกัน ไม่ถึงกับดังมาก ส่วนบริเวณหน้าบ้านพบกับป้ายลูกชิ้นซึ่งจะเห็นหน้าป้ายจะเขียนว่า ลูกชิ้นปิ้งและโต๊ะที่ใช้ว่างของขายหน้าบ้าน เนื่องจากก่อนหน้านี้ขายลูกชิ้นปิ้ง แล้วลูกค้าบอกว่าอยากกินลูกชิ้นทอด จึงได้เปลี่ยนมาขายลูกชิ้นทอด แต่ป้ายก็ยังคงเหมือนเดิม


นายศฤงคาร เล่าว่า ตอนเริ่มต้นจากการทำ TikTok มาได้1-2 ปีแล้ว แต่ก็มาบูมก็เริ่มจากที่ตนไปขายลูกชิ้น เมื่อเริ่มต้นตนไปขายที่ตลาด แต่เนื่องจากยอดขายไม่ดี รวมถึงต้องเสียค่าที่ จึงได้กลับมาขายบริเวณหน้าบ้าน โดยรายได้ก็แล้วแต่วัน บางวันก็ได้ประมาณแค่ 100-200 บาทเท่านั้น ซึ่งหน้าบ้านหลังที่ตนเองขาย ก็ไม่ได้ใช่บ้านของตน แต่เป็นบ้านของน้า ซึ่งตนได้มาอาศัยอยู่เท่านั้น แล้วพอมาขายตนเองก็เริ่มถ่ายคลิปวิดีโอ และมีการลงโซเชียลจนกระทั่งเป็นไวรัลคนเริ่มมาติดตาม และเมื่อมีคนมาติดตามเยอะจึงเกิดเป็นกระแสดรามา

อย่างกรณีที่มีคลิปว่าตนเองได้มีการเคาะหม้อ หรือหยิบจับอะไรเสียงดัง สาเหตุที่ตนเองต้องทำแบบนั้น เพราะมีคนมาคอมเม้นต์ว่า ตนทำตัวน่าสงสาร จึงได้เคาะเพื่อสร้างความสนุกสนานก็เท่านั้น ส่วนที่บอกว่า ทำให้ชาวบ้านรำคาญนั้น ตนก็สอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดจากบ้านของตนเองไปเขาก็บอกว่า เสียงไม่ได้ดังขนาดนั้น แต่ก็จะมีแอนตี้แฟนที่จะชอบมาปั่น ตัดคลิปแค่ช่วงที่ตนเองเคาะไปลง รวมถึงเวลาตนเองไลฟ์ แอนตี้แฟนก็มักจะชอบมาปั่นหัวตนเองในไลฟ์ ให้ตนเองพูดในสิ่งที่ไม่ดีเพื่อที่จะอัดคลิปเอาไว้เพื่อที่จะไปลง TikTok

ส่วนกรณีที่มีเพื่อนบ้านออกมาแฉว่า ที่บ้านมีผู้ป่วยติดเตียงและจากการที่ตนเองทำพฤติกรรมเสียงดังในการไลฟ์สดภายใน TikTok จนทำให้เค้าอยู่บ้านไม่ได้และต้องย้ายออก นายศฤงคาร ต้องบอกว่า บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ติดกับบ้านของตน แต่อยู่ถัดออกไปอีกหลังนึง ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ว่า ไม่ได้ชอบตนเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ด้วยความหมั่นไส้ จึงได้มีการไปคอมเม้นต์อย่างนั้น

ส่วนกรณีที่ตนเองแต่งกายคล้ายกับนักศึกษาหรือนักเรียนนั้น ก่อนหน้านี้ตนเองใส่ชุดกีฬาและมีการถ่ายลง TikTok แล้วก็มีคนมาคอมเม้นต์ว่า ให้ตนเองเปลี่ยนการแต่งกายให้ดูเรียบร้อย ตนจึงไปเลียนแบบการแต่งกายของร้านอาหารร้านหนึ่งในห้าง โดยใส่เสื้อเชิ้ต กับกางเกงสีดำ แล้วดูสุภาพ ตนเองจึงแต่งกายแบบนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่ได้สร้างภาพให้ดูเป็นนักเรียน - นักศึกษา

ส่วนกรณีที่ตนเองได้มีการตั้งชื่อ TikTok ว่าฮีโรชิ มาจากตนเองไปอ่านหนังสือญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “ไคบูซึ“ ซึ่งมีตัวละครที่ชื่อว่า ”ฮิโรชิ“ ตนเองจึงนำมาตั้งเพราะเห็นว่ามันน่ารักดี เนื่องจากบุคลิกภายในหนังสือจะดูเป็น เด็กนักเรียนตามปกติซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆกับโนบิตะ


ด้าน คุณแปะ อายุ 62 ปี ที่อยู่บ้านถัดจากบ้านของนายศฤงคาร บอกว่า เรื่องกระแสที่ว่าน้องขายลูกชิ้นเสียงดัง ส่วนตัว ไม่ได้ยินเสียง เพราะตนก็อยู่บ้านทุกวัน ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ทุกวันน้องจะมาตั้งร้านช่วง 5 โมงเย็นมาตั้งร้าน ทุ่มสองทุ่มก็เลิก ก็ไม่ได้ยินเสียงดังอะไร เสียงหมาเห่ายังดังกว่าอีก เรื่องที่บอกว่าบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้ป่วยติดเตียงต้องย้ายออก ตนก็ไม่ทราบว่าเรื่องเป็นอย่างไร เพราะส่วนตัวคิดว่าเสียงไม่ได้ดัง เพราะถ้าเสียงดังตนต้องไปโวยวายกับส่วนกลางแล้ว เพราะถ้าเวลาใครมีปัญหาก็ต้องไปแจ้งที่นิติ

ขณะที่ นางบัวลอย สุวรรณบาง อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร บอกว่า ตนเองไม่เคยได้ยินเสียงดังจากกรณีน้องขายลูกชิ้น ถึงบ้านตนจะอยู่ไม่ได้ไกลจากบ้านหลังดังกล่าว แต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงดัง ถึงหลายครั้งน้องจะออกมาถ่ายคอนเทนต์แต่ก็แค่ถ่ายคลิป พูดคุยในโทรศัพท์มือถือของตัวเองก็เท่านั้น ตอนขายลูกชิ้นก็เสียงไม่ดัง เพราะเด็ก ๆ ไปซื้อก็ไม่มีใครบอกว่าเสียงดังเลย แต่ตนก็ไม่รู้ว่าบ้านใกล้ ๆ กันจะได้ยินเสียงดังหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าเสียงไม่ดัง ปกติน้องขายในช่วงเย็นถึงกลางคืน ไม่นานคนก็เงียบ ส่วนมากจะเห็นมีแต่เด็ก ๆ ที่ไปซื้อ

น้องโบนัส อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นเด็กในซอยคนนึ่งซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำของ นายศฤงคาร เล่าว่าเวลาพี่เขาขายลูกชิ้นจะใช้ที่หนีบลูกชิ้นก็จะมีเสียงเคาะบ้าง และบอกว่าตนซื้อประจำ เพราะพี่เขาขายถูกและใจดีมีแถมลูกชิ้นให้ด้วย และบอกอีกว่าเสียงนกของป้าร้านขายของชำยังร้องดังกว่าอีก

ทางด้านนิติบุคคล ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีการรับเรื่องร้องเรียนที่ว่า นายศฤงคาร ทำเสียงดังจนเกิดความเดือดร้อนกับลูกบ้าน มีเพียงก่อนหน้าที่มีลูกบ้านท่านหนึ่งได้เข้ามาร้องเรียนว่า เพื่อนของ นายศฤงคาร ได้มาจอดรถขวางหน้าบ้าน จึงได้บอกกล่าว และมีการแก้ไขจนเรื่องจบไปแล้ว

คุณอาจสนใจ

Related News