สังคม

จับแล้วหนุ่มคลั่ง ฟัน-ขับรถเหยียบญาติเมียดับ ฉุนโดนขู่จะจับแยกเมีย

โดย paranee_s

27 ก.พ. 2567

800 views

ผู้สื่อข่าวหนองบัวลำภู รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสจากพนักงานในโรงงานทำน้ำแข็งว่าพบชายต้องสงสัยพร้อมส่งภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดของโรงงานทำน้ำแข็งจากมุมสูงเห็นรูปร่างชายคนหนึ่งนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำไม่สวมเสื้อคล้ายกับบุคคลที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เดินวนเวียนอยู่ในพื้นที่ใกล้โรงทำน้ำแข็งในหมู่บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุหลานเขยฆ่าญาติของเมียสองศพบาดเจ็บสองราย ถนนสายเส้นทางอำเภอศรีบุญเรืองไปอำเภอสีชมพูจังหวัดขอนแก่นบริเวณเขตตำบลนากอก


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำภาพที่ได้รับจากพลเมืองดีส่งมาให้นางฉันทนา หรือน้ำ ว่าใช่เป็นภาพของนายวทัญญู หรือ บอล หรือไม่ เมื่อได้รับคำยืนยันจากนางสาวฉันทนาเจ้าหน้าที่ก็เดินทางไปที่โรงงานทำน้ำแข็งดอกคูนศรีบุญเรืองตามที่ได้รับแจ้ง นายวทัญญูยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวโดยไม่มีอาการขัดขืน


เจ้าหน้าที่ได้อ่านหมายจับของศาลจังหวัดหนองบัวลำภูให้ฟัง นายวทัญญู ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และนำเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดที่เก็บรถจักรยานยนต์คันที่ที่ชิงมาจากชาวบ้าน และพาไปชี้จุดที่โยนทิ้งอาวุธมีดเล่มที่ใช้ก่อเหตุซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่นายวทัญญูมาหลบซ่อนประมาณ 100 เมตร จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ. ศรีบุญเรือง


นายวทัญญู ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังพอสรุปว่า หลังจากที่ตนทะเลาะกับนางสาวฉันทนาหรือน้ำเมื่อวานนี้เมื่อนางกุหลาบผู้เป็นย่าของน้องน้ำมาถึงเมื่อรู้ว่าหลานสาวของตนทะเลาะกับสามีจึงบอกให้เลิกกันพร้อมบอกว่าจะให้จับแยกกันโดยให้นางสาวฉันทนาไปทำงานที่อื่น ตนรู้สึกโมโหจึงใช้มีดฟันไปที่ญาติจนเสียชีวิต


จากนั้นจึงขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้มีดจี้มาจากร้านอาหารแห่งหนึ่งขับวนเวียนไปตามเส้นทางในหมู่บ้าน จนกระทั่งรถมันน้ำมันหมดลงที่ใกล้บริเวณโรงงานน้ำแข็งไปตามเส้นทางในหมู่บ้าน เลยแอบมาหลบซ่อนหลับนอนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว


นายวทัญญู ยังอ้างว่า ตัดสินใจยอมมอบตัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วหลังก่อเหตุแต่ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เนื่องจากตนเองไม่มีโทรศัพท์เมื่อเช้านี้ก็เดินวนเวียนลัดเลาะอยู่บริเวณใกล้เคียงนี้เพื่อจะให้มีคนเห็น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตนเองในครั้งนี้


นายวทัญญูบอกว่ารู้สึกเสียใจที่ทำลงไปและยังยอมรับว่าผู้ตายทั้ง 2 คนเคยมีบุญคุณกับตนมาก่อน ทั้งยังยอมรับว่าตนเองเคยทำร้ายนางสาวฉันทนามาหลายครั้งแล้วเมื่อทะเลาะกัน แต่ตนก็ไม่เคยคิดจะเลิกรากับนางสาวฉันทนาแต่อย่างใด เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่าแล้วใครบ้างล่ะพี่จะยอมให้ญาติของตัวเองถูกทุบตีทำร้ายอยู่บ่อยๆ นายวทัญญูก็แย้งว่าแต่พักหลังตนไม่ได้ทำร้ายภรรยาแล้วนะ แล้วทำไมยังจะมาบอกว่าจะเอาหลานหนีไม่อยากให้อยู่ด้วยกันอีก ตนจึงยิ่งโมโหยิ่งขึ้น จากนั้นนายวทัญญู รับประทานอาหารที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดหามาให้เห็นเนื่องจากไม่ได้ทานอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวานนี้


นางสาวฉันทนา หรือ น้ำ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า รู้สึกเสียใจที่ตนเป็นสาเหตุให้ย่าและอาต้องเสียชีวิตในครั้งนี้เพราะรู้สึกเหมือนตนเองที่เป็นคนโทรศัพท์ไปเรียกย่ามาตาย นางสาวฉันทนาเปิดเผยว่าจริง ๆ แล้วนายวทัญญูอายุไล่เลี่ยกับตน ไม่ใช่อายุ 35 เหมือนที่เป็นข่าว พร้อมเล่าว่าได้รู้จักกับนายวทัญญูเมื่อครั้งที่ตนเลิกกับสามีคนก่อน แล้วไปทำงานที่กรุงเทพโดยรู้จักกันผ่านแอปหาคู่


ขณะที่ตอนนั้นนายวทัญญูใกล้จะปลดประจำการทหาร หลังจากนั้นก็อยู่กินกันมาโดยตลอด และรู้ว่านายวทัญญูเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่ายตนถูกทำร้ายอยู่บ่อยๆ หลังจากนี้ไปก็จะเลิกรากันโดยเด็ดขาดเพราะทำใจไม่ได้ที่นายวทัญญูมาฆ่าย่าของตน ที่เลี้ยงดูตนมาเหมือนลูกในไส้ตั้งแต่ตัวเล็กๆ เมื่อพ่อกับแม่แยกทางกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปควบคุมตัวนายวทัญญู นางสาวฉันทนาก็ติดตามไปดูอยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวทัญญูขึ้นรถนางสาวฉันทนาได้ไปใช้มือตบที่กระจกตรงบริเวณที่นายวทัญญูนั่งอยู่พร้อมกับร้องไห้


ต่อมาภายหลังชุดที่ควบคุมตัวนายวทัญญูมาถึงสถานีตำรวจ นางสาวฉันทนาได้เข้าไปสอบถามนายวทัญญูในห้องสืบสวนว่า “มึงทำอะไรลงไปมึงรู้หรือไม่แล้วตอนนี้กูจะอยู่กับใครเมื่อแม่กูตาย” (ซึ่งหมายถึงย่าเพราะนางสาวฉันทนาไม่เคยเรียกย่ามักจะเรียกว่าแม่บ้างยายบ้าง) นายวทัญญูก็ไม่ตอบแต่มีอาการน้ำตาไหล

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ