อาชญากรรม

ผัวรับสารภาพแล้ว! ฆ่า ‘น้องนุ่น’ นำศพทิ้งปราจีนฯ รับมีปากเสียง โมโหสะสม ลากกลับบ้านใช้อิฐทุบหัวดับ

โดย petchpawee_k

21 ก.พ. 2567

976 views

ผัวสารภาพฆ่าอำพรางศพน้องนุ่น กล้องวงจรปิดแฉนาทีเอาหินทุบหัว-กระทืบริมถนน ก่อนลากกลับบ้านเอาอิฐทุบหัวซ้ำก่อนนำศพไปเผาอำพรางที่ปราจีนบุรี


จากกรณีเพื่อนของนางสาว ชลลดา  หรือนุ่น อายุ 27 ปี โพสต์เฟซบุ๊กขอเบาะแสตามหาตัวนุ่น เนื่องจากหายตัวไปปริศนา โดยคืนวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. นุ่นพร้อมกับนายศิริชัย  อายุ 33 ปี สามี ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของนายศิริชัย ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากนั้น นุ่นก็นั่งรถกลับบ้านพร้อมกับนายศิริชัย สามี  


แต่ต่อมา วันที่ 19 ก.พ. เวลา 9.21 น. นายศิริชัย ไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด ว่าภรรยาหายตัวไป โดยอ้างว่า ขณะขับรถพาภรรยากลับบ้าน ช่วง 03.00 น.ของวันที่ 18 ก.พ.67 มีปากเสียงกันเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จนภรรยางอน เปิดประตูลงจากรถ บริเวณถนนเลียบคลองประปา  อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี   ซึ่งตนเดินลงไปง้อและพาภรรยาขึ้นรถมา แต่ก็ทะเลาะกันอีก จนคราวนี้ภรรยาลงจากรถ เดินข้ามถนนไปขึ้นรถแท็กซี่


ส่วนตนเองก็ขับรถกลับมารอที่บ้าน แต่ภรรยาก็ไม่กลับมาอีกเลย และนายศิริชัยยังบอกกับเพื่อนภรรยา แม่ภรรยา ว่า ช่วง 2 วันที่ภรรยาหายตัวไป ไปตรวจจีพีเอสโทรศัพท์ของนุ่นแล้ว มีการส่งสัญญาณในพื้นที่ 5 จังหวัด และพิกัดสุดท้ายอยู่ที่ อ.แปดริ้ว  จ.ฉะเชิงเทรา  ทำให้แม่และเพื่อนของนุ่นเกิดความคลางแคลงใจ สงสัยในพฤติกรรมของนายศิริชัยอย่างมาก เพราะเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายนุ่นมาแล้ว 


แม่ของนุ่น จึงสั่งให้ลูกเขยมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ปากเกร็ด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายศิริชัย อุ้มลูกน้อยมาโรงพักด้วย และยังมีการบอกด้วยว่า อยากให้นุ่นกลับมา ขอให้เห็นแก่ลูก


ปรากฎว่า เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.67) เวลา 19.00 น. พลตำรวจตรี ปรารถนา  แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี  นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านดังย่านเมืองทองธานี  อ.ปากเกร็ด  จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายศิริชัย  พบรถเก๋ง BMW สีขาว  พร้อมคุมตัวนายศิริชัยมาสอบปากคำเครียดที่ สภ.ปากเกร็ด  


หลังจากสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุด นายศิริชัย ก็รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่านุ่น ภรรยาของตนเอง โดยใช้หินทุบหัวหลังมีปากเสียงกัน ขณะขับรถกลับจากงานเลี้ยง แล้วนำศพใส่รถเก๋งขับไปทิ้งไว้ที่บ้าน ในพื้นที่บ้านมาบเหวียง ต.หนองโพ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี


ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า พบศพหญิงสาวถูกเผาอำพราง ภายในสวนยางพารา ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  โดยจุดที่พบศพ เป็นจุดที่สัญญาณจีพีเอสหายไปครั้งสุดท้าย อยู่ในสวนยาง เข้าไปในซอยประมาณ 200 เมตร   นอกจากนี้ยังพบว่า ที่ศพสวมสร้อยข้อมือเหมือนกับที่นางสาวชลลดา สวมใส่อยู่ก่อนจะหายตัวไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมนายศิริชัยครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้หลักฐานสำคัญ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าร้านค้า ใกล้ปากซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 38 ถนนแจ้งวัฒนะ  


เวลา 22.46 น. จะเห็นนายศิริชัยจอดรถริมทาง แล้วจิกหัวลากตัวนุ่นลงจากรถ เตะ ต่อย เข้าตามลำตัว จนนุ่นล้มลงกับพื้น นายศิริชัย ยังเตะเสยหน้าไปหลายครั้ง จนนุ่นสลบแน่นิ่งไปกับพื้น แต่นายศิริชัย ยังจิกหัวนุ่นให้ลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็เตะเสยหน้าอีกที จนนุ่นหงายหลัง แล้วตามไปกระทืบเข้าที่หน้าและหัวอีกหลายที  จนนุ่นแน่นิ่งไป   ซึ่งการทำร้ายริมถนนตรงจุดนี้ กินเวลาเกือบ 5 นาที


จากนั้น ในกล้องจะเห็นภาพที่นายศิริชัย ลากนุ่นไปหลบมุมอยู่ริมถนนหน้าร้านค้า  ตรงจุดที่มีเสาและตู้ชุมสายโทรศัพท์ และเห็นคล้ายกับว่า นายศิริชัย จับนุ่นให้ลุกมานั่งและเหมือนพูดคุยอะไรบางอย่างกับนุ่น  ก่อนจะลุกเดินกลับไปที่รถ และอุ้มลูกลงจากรถเดินกลับมาหานุ่น   หยิบก้อนหินหรือก้อนอิฐ ขึ้นมาทุบหัวนุ่นหลายครั้ง   ทั้งที่ยังอุ้มลูกอยู่

นาทีที่นายศิริชัยทำร้ายนุ่น จังหวะนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาจุดนั้นพอดี  โดยพยานคนนี้ ที่ชื่อ บิว  แต่เนื่องจากจุดเกิดเหตุมืดมาก จึงไม่เห็นสภาพของนุ่น  ประกอบกับนายศิริชัยอุ้มลูก และตอนนั้นไม่ได้เตะต่อยนุ่นแล้ว  ทำให้พยานเข้าใจว่า สามีอุ้มลูกมาตามภรรยาที่เมา   หลังจากพยานเดินผ่านไปแล้ว นายศิริชัย ลากตัวนุ่นไปขึ้นรถ ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ ก็จะคล้ายกับว่า กำลังประคองคนเมาขึ้นรถ


ซึ่งหลักฐานกล้องวงจรปิดชุดนี้ เห็นพฤติกรรมของนายศิริชัยว่า แม้ภรรยาจะพยายามลุกหนี แต่ก็ยังถูกเตะเข้าที่ใบหน้าและศีรษะอย่างรุนแรงนานกว่า 10 นาที  ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของแม่นุ่น  ว่าที่ผ่านมาลูกสาวถูกนายศิริชัย สามี ใช้กำลังทำร้ายร่างกายเป็นประจำ  และเมื่อตำรวจเค้นสอบ พร้อมบอกนายศิริชัย ว่า พบร่างภรรยาถูกเผาอยู่สวนป่ายางพารา ที่ จ.ปราจีนบุรี  แล้ว ทำให้นายศิริชัย เปิดปากรับสารภาพในที่สุด


หลังจากนายศิริชัย รับสารภาพ ต่อมาเวลา 22.00 น. (20 ก.พ.67)  พล.ต.ต.ปรารถนาแผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า นายศิริชัยให้การรับสารภาพ  ว่าทำร้ายร่างกายภรรยาอย่างไรบ้าง โดยสาเหตุที่ทะเลาะกัน มาจากการดื่มสุราในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด แล้วเมา ภรรยามีการพูดถึงแฟนเก่าของนายศิริชัย จนทะเลาะกันในรถระหว่างทางกลับบ้าน จนมีการทำร้ายร่างกายกันตั้งแต่บนรถ  ลงมาทำร้ายกันที่ริมถนน ด้วยการใช้หินทุบ  ซึ่งขณะนั้น ภรรยายังไม่เสียชีวิต  แต่นายศิริชัย พาภรรยากลับไปที่บ้าน โดยกล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้าน จับภาพรถเก๋งของนายศิริชัย ขับเข้าหมู่บ้านมาเมื่อเวลาประมาณ 02.26 น. ของวันที่ 18 ก.พ.  


เมื่อถึงบ้าน ก็ทำร้ายภรรยาอีก ด้วยการเอาอิฐบล็อกทุบหัว ซึ่งในตอนนั้น ผู้ตายน่าจะไม่มีแรงที่จะทะเลาะหรือต่อสู้ขัดขืนอะไรแล้ว เพราะโดยทำร้ายจนสะบักสะบอมตั้งแต่ริมถนนแล้ว  แต่ด้วยความโมโหและความเมา นายศิริชัยจึงทำร้ายภรรยาซ้ำๆ จนเสียชีวิตในบ้าน จนช่วงเช้า ถึงรู้ว่าภรรยาเสียชีวิต จึงเอาศพยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ขับรถออกจากหมู่บ้าน ตอนประมาณ 9.02 น. ของวันที่ 18 ก.พ. นายศิริชัยขับรถออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับศพนุ่น ไปซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน เป็นเงิน 1,420 บาท  ก่อนจะ ขับรถนำศพไปเผาอำพรางที่บริเวณสวนยางพารา ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  ก่อนจะกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในช่วงเย็นวันที่ 18 ก.พ.  


และเช้าวันที่ 19 ก.พ. จึงไปแจ้งความว่าภรรยาหายตัวไป เป็นการกลบเกลื่อนความผิด  ซึ่งช่วงที่นำศพภรรยาไปเผาอำพรางที่ จ.ปราจีนบุรีนั้น ลูกน้อยวัย 1 ขวบ 7 เดือน ก็นั่งอยู่ในรถด้วยตลอดเวลา


เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนาและฆ่าอำพรางศพ  โดยในวันนี้ (21 ก.พ.67) เวลา 9.00 น. จะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด  เพื่อประกอบสำนวนคดี ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย


เขาไม่ยอมให้อภัยผมสักครั้ง ไม่ว่าผมจะทำดีแค่ไหน พูดอะไรไป ก็ผิดใจเขาตลอด ผมไม่เคยคิดจะฆ่า หรือทำให้เขาตาย แต่ด้วยความเมา และโมโห เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น   ต่อให้ผมออกมาจากคุก ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวนุ่นและครอบครัวผม ไม่มีหน้าไปเจอลูกตัวเอง ผมเลยมาบอกลาทุกคน ไม่ต้องให้ลูกจำผมก็ได้ บอกว่า พ่อของเขาตายไปแล้วก็ได้”


เมื่อแม่ถามว่า ทำกับลูกแม่ทำไม นายศิริชัยตอบว่า  “มันเป็นเหมือนแค้นสะสมมาหลายอย่าง  ก็ตามที่แม่ได้ยิน เวลาผมคุยกับเขา ผมจะเป็นฝ่ายง้อตลอด แต่ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมองว่าผมดี อคติที่เขาเอามาพูดซ้ำอีก เรื่องที่เคยเคลียร์กันไปแล้วเขาก็เอามาทะเลาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งโมโห สะสม เก็บกดสะสมมา


ซึ่งนายศิริชัย ผู้ก่อเหตุ ได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษแม่และขอขมากับที่ทำลงไป  โดยบอกว่า “ไม่ว่าแม่จะให้อภัย หรือไม่ให้อภัย ผมก็จะขอชดใช้กับทุกสิ่งที่อยู่ ที่ผมได้ทำพลาดลงไปแล้ว”


ส่วนการตรวจค้นที่บ้านของนายศิริชัย ก็พบร่องรอยหลักฐานหลายอย่าง ทั้งคราบเลือดของผู้ตาย อิฐบล็อกที่ใช้ทุบหัว  ซึ่งคราบเลือดนั้น แม้จะล้างน้ำออกไปแล้ว แต่ด้วยเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ ยังไงก็ต้องตรวจเจอ  ซึ่งแม่ของผู้ตายพอทราบเรื่องแล้วก็โมโหมาก เพราะไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจลูกเขยตั้งแต่แรกแล้ว


ซึ่งนายศิริชัย ผู้ก่อเหตุ ได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษแม่และขอขมากับที่ทำลงไป  โดยบอกว่า “ไม่ว่าแม่จะให้อภัย หรือไม่ให้อภัย ผมก็จะขอชดใช้กับทุกสิ่งที่อยู่ ที่ผมได้ทำพลาดลงไปแล้ว”


เมื่อแม่ถามว่า ทำกับลูกแม่ทำไม นายศิริชัยตอบว่า  “มันเป็นเหมือนแค้นสะสมมาหลายอย่าง  ก็ตามที่แม่ได้ยิน เวลาผมคุยกับเขา ผมจะเป็นฝ่ายง้อตลอด แต่ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมองว่าผมดี อคติที่เขาเอามาพูดซ้ำอีก เรื่องที่เคยเคลียร์กันไปแล้วเขาก็เอามาทะเลาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งโมโห สะสม เก็บกดสะสมมา


เขาไม่ยอมให้อภัยผมสักครั้ง ไม่ว่าผมจะทำดีแค่ไหน พูดอะไรไป ก็ผิดใจเขาตลอด ผมไม่เคยคิดจะฆ่า หรือทำให้เขาตาย แต่ด้วยความเมา และโมโห เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น   ต่อให้ผมออกมาจากคุก ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวนุ่นและครอบครัวผม ไม่มีหน้าไปเจอลูกตัวเอง ผมเลยมาบอกลาทุกคน ไม่ต้องให้ลูกจำผมก็ได้ บอกว่า พ่อของเขาตายไปแล้วก็ได้”


 เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนาและฆ่าอำพรางศพ  โดยในวันนี้ (21 ก.พ.67) เวลา 9.00 น. จะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด  เพื่อประกอบสำนวนคดี ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2cPyWhmDCtI


คุณอาจสนใจ

Related News