ข่าวโซเชียล

แก้แค้น 28 ปี ไม่สาย! ‘ชายอินเดีย’ แจ้งจับพ่อแท้ๆ ข่มขืนแม่จนท้อง-ขู่ฆ่า จนชีวิตพัง

โดย JitrarutP

20 ก.พ. 2567

162 views

ถึงเวลาเอาคืน! “ชายชาวอินเดีย” แจ้งจับพ่อแท้ๆ หลังรู้ความจริง ตัวเองเป็นลูกที่เกิดจากการที่แม่โดนเพื่อนบ้านข่มขืนจนท้อง ถูกขู่ฆ่า ชีวิตพังทลาย เป็นขี้ปากเพื่อนบ้าน จนต้องย้ายเมืองหนีเมื่อ 28 ปีที่แล้ว วันนี้ถึงเวลาเอาคืน ชำระแค้น ทวงคืนความยุติธรรมให้แม่

เฟซบุ๊กเพจ Poetry of Bitch ได้เล่าเรื่องราวของหญิงสาวชาวอินเดียรายหนึ่ง ชื่อ สาวิตา โดยเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา (1994) สาวิตา อายุ 12 ปี อาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขยในเมืองชาห์จาฮันปูร์ (Shahjahanpur) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

มีความฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นตำรวจ บ่ายวันหนึ่งขณะที่เธออยู่บ้านคนเดียว มีเพื่อนบ้านเป็นผู้ชาย 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ชื่อ ชื่อ “โมฮัมเหม็ด” (Mohammed) อายุ 20 ปี ส่วนคนพี่ชื่อ “ฮัสซัน” (Hasan) อายุ 22 ปี ปีนกำแพงเข้ามาจับเธอมัดและข่มขืน พร้อมข่มขู่ว่าหากนำเรื่องนี้ไปบอกใครพี่สาวของเธอจะถูกฆ่าตาย

เธอถูกชาย 2 คนกระทำเช่นนี้นาน 6 เดือน เธอทรมานจนล้มป่วย ต่อมาจึงทราบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน แต่หมอยุติการตั้งครรภ์ให้ไม่ได้เนื่องจากร่างกายเธออ่อนแอ ต่อมาพี่สาวและพี่เขยของเธอได้ไปพูดคุยกับพ่อและแม่ของทั้ง 2 ผู้ก่อเหตุ แต่กลับถูกไล่ออกมา ในช่วงคืนวันนั้น 2 ผู้ก่อเหตุได้พกปืนบุกเข้ามาในบ้านของสาวิตา ทำร้ายร่างกายพี่สาวและพี่เขย ขู่จะเผาบ้านและฆ่าทุกคนหากใครเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความ

วันรุ่งขึ้นทั้ง 3 คน ได้ตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่ที่เมืองรัมปูร์ (Rampur) ซึ่งอยู่ห่างออกไป 160 กม. โดยที่ไม่ได้บอกพ่อและแม่ของเขาที่อยู่กันคนละเมือง วันหนึ่งพ่อเธอทราบเรื่องจึงโกรธมากที่ทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แม่เธอก็สั่งไม่ให้เธอกลับไปบ้านเพราะกลัวคนในหมู่บ้านนินทา

สาวิตาคลอดลูกตอนอายุ 13 เธอไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกเลย เพราะแม่ยกเด็กให้สามีภรรยาคู่หนึ่งไปเลี้ยง แม่บอกว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอได้มีโอกาสที่ 2 ในชีวิต และสั่งห้ามถามถึงลูก ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครแต่งงานด้วย สิ่งเดียวที่สาวิตารู้เกี่ยวกับลูกก็คือเขาเป็นเด็กผู้ชาย หลังจากนั้นไม่นานพี่สาวกับพี่เขยของสาวิตาก็แยกทางกัน เพราะครอบครัวของพี่เขยไม่ต้องการให้เขามาพัวพันกับครอบครัวที่อื้อฉาว สาวิตารู้สึกผิดมาก เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนทำลายชีวิตของพี่

สาวิตาอยู่กับพี่สาวต่อและกลับไปเรียนจนจบ ม.ต้น เมื่อเธออายุได้ 18 ปี ครอบครัวก็หาผู้ชายคนหนึ่งมาแต่งงานกับเธอ แต่สามีของเธอไม่ยอมให้เรียนต่อ ในปี 2002 สาวิตาให้กำเนิดลูกชายอีกคน แต่แล้วในปี 2006 สามีก็ได้รู้อดีตของสาวิตาจากคนในบ้านเกิดของเธอ เขาโกรธมากและถามเธอว่าถ้าวันหนึ่งลูกชายของเธอโผล่มาขอแบ่งทรัพย์สินเขาจะอับอายผู้คนขนาดไหน แล้วไม่กี่เดือนต่อมาเขาก็บอกให้เธอกับลูกชายวัย 4 ขวบย้ายออกไป เพราะเขาทนมองหน้าลูกไม่ได้ และกินอาหารที่เธอทำไม่ลง

สาวิตาจึงพาลูกย้ายไปอยู่ที่เมืองลัคเนา (Lucknow) เช่าบ้านอยู่กันตามลำพังสองแม่ลูก เธอทำงานสารพัด ทั้งลูกจ้างขายของ ตัดเย็บเสื้อผ้า พนักงานร้านหนังสือ

ขณะที่ลูกคนแรกของสาวิตา เด็กชายถูกตั้งชื่อว่า “ราชู” (Raju) ตอนแรกทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมมีลูกของตัวเอง พวกเขาก็เริ่มปฏิบัติกับราชูไม่เหมือนเดิม ราชูไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ถึงเปลี่ยนไป จนเมื่อเรียนอยู่ ป.5 ราชูได้ยินเพื่อนบ้านพูดว่าเขาเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เมื่อราชูอายุ 13 พ่อแม่บุญธรรมได้ข่าวว่าสาวิตาหย่ากับสามีและย้ายไปอยู่ลัคเนา พวกเขาพาราชูไปส่งขึ้นรถบัสและบอกให้ไปอยู่กับแม่แท้ๆ

เช้าวันหนึ่งในปี 2007 สาวิตาเปิดประตูและพบเด็กชายคนหนึ่งมายืนรออยู่หน้าบ้าน เด็กคนนั้นแนะนำตัวว่าเป็นลูกชายของเธอ สาวิตากอดลูกร้องไห้ด้วยความดีใจ ตอนนั้นสาวิตาอายุ 25 เธอได้ลูกทั้งสองคนมาอยู่แนบอก สาวิตาทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย แล้วยังกลับไปเรียนจนจบ ม.ปลาย และเรียนต่อจนจบปริญญาตรีสาขาการเมืองการปกครอง โดยใช้เวลาตอนลูกเข้านอนแล้วอ่านหนังสือ “เพราะฉันรู้ว่าการศึกษาเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยชีวิตฉันได้”

เมื่อราชูโตขึ้น เขาเฝ้าถามแม่ว่าใครเป็นพ่อ แต่สาวิตาไม่ยอมปริปาก จนวันหนึ่งราชูเปิดใจกับแม่ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อชีวิตของเขามาก เพราะเขาเกิดและเติบโตมาโดยไม่รู้เลยว่าใครคือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด สาวิตาจึงยอมเล่าทุกอย่างให้ลูกฟัง เมื่อราชูรู้ความจริง เขาเข้มแข็งและนิ่งมาก หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จนในปี 2019 เมื่อราชูอายุได้ 25 ปี เขาจับมือแม่ไว้และขอให้แม่ไปแจ้งความจับผู้ชายที่ข่มขืนแม่ โดยเขาพร้อมต่อสู้เคียงข้างแม่

ในเดือนกรกฎาคม 2020 ราชูจึงพาแม่กลับไปที่ชาห์จาฮันปูร์เพื่อแจ้งความ แต่ทุกอย่างไม่ง่าย เพราะหมู่บ้านเปลี่ยนไปมากจนสาวิตาหาบ้านที่เคยอยู่ไม่เจอ ตำรวจก็บอกว่าคดีมันเกือบ 30 ปีแล้ว ไม่มีเบาะแส ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่รู้ชื่อจริงของพวกมัน ราชูพาแม่ไปร้องเรียนกับนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง เขาฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเชื่อว่าเธอพูดความจริงและรู้สึกถึงความเจ็บปวดในวัยเด็กของเธอได้ จึงรับปากว่าจะคืนความยุติธรรมให้กับเธอ และเขายังบอกอีกว่า “ลูกชายของเธอยังไงล่ะคือหลักฐานที่สำคัญที่สุดของคดีนี้”

ราชูกับสาวิตาตามสืบหาจนได้เบอร์โทรของหนึ่งในผู้ก่อเหตุมา (ในข่าวไม่ได้ระบุว่าคนไหน) ตอนที่สาวิตาโทรไปและบอกว่าเธอเป็นใคร มันจำเธอได้ทันทีและถามเธอว่า “ทำไมมึงยังไม่ตายอีก” เธอตอบว่า “ตอนนี้ถึงเวลาฉันเอาคืนบ้างแล้ว”

มีนาคม 2021 ตำรวจรับแจ้งความคดีนี้ และนำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนมาเผชิญหน้ากับสาวิตา พวกมันยืนยันว่าไม่เคยเห็นเธอมาก่อน ตำรวจจึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาทดสอบ ผลออกมาในเดือนเมษายน 2022 พบว่าโมฮัมเหม็ดเป็นพ่อของราชูจริง ๆ พอพวกมันรู้ข่าวก็รีบหลบหนีกันไปคนละทิศละทาง

กรกฎาคม 2022 ตำรวจจับกุมโมฮัมเหม็ด อายุ 48 ปี ได้ที่รัฐเตลังคานา และเดือนต่อมาจับกุมฮัสซัน อายุ 50 ปี ได้ที่รัฐโอฑิศา ทั้งสองคนยอมรับว่าไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งคดีนี้จะถูกรื้อฟื้น สาวิตาซึ่งอายุ 40 ปีในวันที่สองทรชนถูกจับ เธอบอกว่าทั้งโล่งใจและหมดแรง ทั้งรู้สึกโกรธและดีใจในเวลาเดียวกัน พร้อมกับขอบใจลูกชายที่ทำให้เธอกล้าลุกขึ้นทวงคืนความยุติธรรม

สาวิตาเล่าว่า “ฉันเคยก้มหน้ายอมรับเพราะคิดว่านี่คือโชคชะตา แต่ลูกบอกว่านี่ไม่ใช่โชคชะตา เราจะต้องให้บทเรียนกับพวกมัน ถ้าแม่กล้าลุกขึ้นพูด อาจจะมีผู้หญิงอีกมากที่ตกเป็นเหยื่อกล้าลุกขึ้นพูดด้วย และฉันอยากให้เรื่องของฉันเป็นแรงบันดาลให้กับผู้หญิงทุกคน“





ที่มา เฟซบุ๊ก : Poetry of Bitch ภาพ : Ramesh Verma / BBC Hindi



คุณอาจสนใจ