หญิงร้อง สถานสงเคราะห์ไม่ตรงปก เปิดรับบริจาค แต่ปล่อยสุนัข-แมวหิวโซ อยุ่ตามยถากรรม

นางสุภิดา อายุ 47 ปี ชาวชุมชนหนองทรายขาว ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.สกลนคร และสื่อมวลชนว่ามีสถานสงเคราะห์สุนัขและแมวแห่งหนึ่งกลางเมืองสกลนคร มีพฤติการณ์เปิดรับบริจาคเพื่อเป็นค่าอาหารค่ายาของสุนัขและแมวที่เลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก


โดยได้เปิดเป็นสถานสงเคราะห์สุนัขและแมวมานานแล้ว แต่เมื่อ 1 ปี 6 เดือน ที่แล้วตนเข้าไปพบเฟซบุ๊กของสถานสงเคราะห์แห่งนี้ เปิดรับบริจาคจึงได้โอนเงินและต่อมาได้นำอาหารไปให้หลายครั้ง เพราะต้องการทราบเจ้าของสถานสงเคราะห์เป็นคนอย่างไร จึงได้เข้าไปเห็นสภาพของสุนัขและแมว เกาะลูกกรงน้ำตาไหลคล้ายคนที่ถูกขังลืม ร่างกายผอมโซ มีหลายตัวที่มีบาดแผลเนื่องจากถูกกัด แต่ไม่พาไปหาสัตวแพทย์ ไม่มีการฉีดวัคซีน ไม่เคยทำหมัน ปล่อยให้ขยายพันธุ์เรื่อย แต่เจ้าของกลับไปต่างจังหวัดทีละ 2-3 สัปดาห์ ปล่อยให้สุนัขและแมวจำนวนมากอยู่กับคนงานเพียงคนเดียว


นางสุภิดา กล่าวต่อว่า ด้วยความตนและพี่ชายคือนายวิรัตน์ อายุ 53 ปี ต้องคอยหุงข้าวผสมตับบดไปให้กินทุกวัน โดยข้าวหุงวันละ 2 หม้อๆ ละ 5 กิโล อีกทั้งหัวอาหารอีกต่างหาก หากคิดเป็นเงินวันละ 1,500 บาท เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ก็เป็นเงิน 4-5 แสนบาท เงินก็ต้องจ่ายไปช่วยทั้งพี่ ทั้งน้อง แต่ไม่เคยได้ค่าจ้างแต่อย่างใด แม้แต่น้ำยังไม่เคยได้กิน ลูกสุนัขที่ออกมา บางตัวเล็ดลอด ออกจากกรงมาแล้วตกท้องร่องเสียชีวิตหลายตัว ซึ่งต่อมาได้ขอร้องให้ตนช่วยรับสุนัขไปเลี้ยง ซึ่งตนก็รับมาเลี้ยง เป็นจำนวน 60 กว่าตัว


ขณะนี้ภาระจึงมาอยู่ที่ตน ค่าหัวอาหาร ค่ายา สุนัขที่ป่วยกว่า 10 ตัวก็เอามาดูแลจนหายป่วย จนอ้วนท้วนสมบูรณ์ทุกตัว แต่ตนกลับโดนเจ้าของสถานสงเคราะห์บลูลี ตนจึงยอมไม่ได้เพราะนี่เป็นการทรมานสัตว์ ไม่ได้รักสัตว์อย่างพูดแต่อย่างใด


ด้านนายวิรัตน์ กล่าวว่า แม้ตนจะสติไม่ดี แต่ตนก็รักสัตว์ หน้าที่ของตนคือทำอาหารให้สุนัขเหล่านี้ อยากให้ทางราชการเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วย เพราะสงสารสัตว์ ที่เห็นหัวกระโหลกสุนัข ซากสัตว์ที่ถูกกิน และพบว่าสุนัขและแมวที่เสียชีวิตก็จะถูกนำไปฝัง อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการด้วย