สังคม

เจ้าของเป็นงง เพื่อนบ้านยึดบ้านรอบ 2 อ้างครอบครองปรปักษ์ คู่กรณีอ้าง ที่สละสิทธิ์ก่อนหน้านี้เพราะถูกกดดัน

โดย paranee_s

12 ก.พ. 2567

10.4K views

จากกรณีที่นายซัน และ นางสาวอาย หลานชายและหลานสะใภ้ของอากู๋เหมทัศน์ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ว่า ตนและภรรยา ได้ของขวัญวันแต่งงานจากอากู๋เหม เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาภายในซอยรามอินทรา 58 ตนและภรรยาจึงเดินทางมาดูบ้านหลังดังกล่าวปรากฏว่า มีคนเข้าไปอยู่อาศัย จนต้องถามย้ำกับอากู๋ว่า ภาพถ่ายบ้านที่ให้มาถูกต้องหรือไม่ อากู๋ อาจจะจำบ้านผิดหลังหรือเปล่า เนื่องจากปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวไม่มีต้นกล้วยอยู่แล้ว และมีการทำประตูใหม่ สร้างหลังคาที่จอดรถด้วย ซึ่งอากู๋ก็ยืนยันบ้านเลขที่ตรงกัน


นายซันและภรรยาก็ทำทีเข้าไปถามคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นว่า จะขอเช่า ก่อนจะแสดงตัวในภายหลังว่า เป็นหลานเจ้าของบ้าน ทำให้กลายเป็นประเด็นข่าวโด่งดัง เพราะมีการโต้เถียงอ้างกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ ซึ่งในตอนนั้น ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่เป็นประเด็นข่าว นายซันและภรรยาได้มาออกรายการโหนกระแส


ทีมข่าวเคยได้สัมภาษณ์ คนที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว อ้างว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกปล่อยทิ้งร้างมากว่า 30 ปี ตนจึงเข้ามาดูแลให้เฉยๆ ไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกหรือครอบครองปรปักษ์ และพยายามติดต่อขอซื้อหรือขอเช่ากับทางเจ้าของแต่ว่าติดต่อไม่ได้ จึงเข้ามาดูแลเรื่อยมาเกิน 10 ปี


ขณะที่ในรายการโหนกระแส เทปวันที่ 4 กันยายน 2566 ทางพี่หนุ่ม กรรชัย มีโอกาสได้โฟนอินกับคุณนุ อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทข้างๆ บ้าน และได้เข้าไปรื้อบ้าน หลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาทกัน ตอนปี 54 ที่น้ำท่วม เพราะมีทั้งขยะ มีสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ มากมายเห็นว่าจะเป็นอันตราย จึงเข้าไปทำความสะอาดและต่อเติม โดยมีความประสงค์ที่จะซื้อบ้านหลังนี้ หลังต่อเติมก็คาดว่าสักวันทางเจ้าของจะมาพูดคุยตกลงกัน ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเจตนาเข้าไปครอบครอง ภาพที่เห็น มีการทำกับข้าวกับปลากัน แค่ใช้พื้นที่นั่งทานข้าวกลางวันกันเฉยๆ


หลังจากจบรายการก็ดูเหมือนว่า ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้เพราะทางฝั่งของคุณนุ ก็ยืนยันว่าไม่มีประสงค์ที่จะครอบครอง ถือครองปรปักษ์ ปรากฏว่าล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางฝั่งของนายซันและภรรยา ไปที่บ้านหลังดังกล่าวถึงกับงงอีกรอบ เพราะมีการนำป้ายขึ้นมาติดหน้าบ้าน ขายไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา ซึ่งในบ้านมีทั้งโต๊ะ และมีอุปกรณ์การทำครัว ส่วนที่ประตูรั้วบ้านทีมข่าวสังเกตเห็นว่ามีกระดาษสีชมพู 2 แผ่นติดอยู่พร้อมข้อความระบุว่า บ้านหลังนี้ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์


โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายบุคคลใดเข้ามากระทำการใดๆ ในบ้านและที่ดินและบ้านหลังนี้ถือว่า มีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน นางสาวศรีพรรณ ก็ทำให้เป็นประเด็นข่าวขึ้นมาอีกรอบ


ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่าบ้านถูกปิดเงียบแต่อุปกรณ์ทำครัวยังอยู่เหมือนเดิม ทีมข่าวโทรสอบถาม ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นไว้อยู่ในป้ายขายไก่ทอดน้ำปลา ปลายสายที่รับ บอกว่า อยู่จังหวัดสงขลา ยืนยัน ไม่ได้ขายไก่ทอดน้ำปลา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านหลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาท มีคนติดต่อ มาถาม 2-3 วันแล้ว ซึ่งรู้สึกงงมาก หากเป็นการนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย


ทางด้านนายซัน และ น.ส.อาย 2 สามีภรรยา ซึ่งนายซัน เป็นทายาทโดยตรงของอากู๋เหม ถึงกับงงเลย หลังถูกเพื่อนบ้านยึดบ้านต่อเติมอาคารจนก่อนหน้านี้ออกรายการโหนกระแส มีการนัดเจรจาตกลงกันแล้วที่สน.โคกคราม โดยฝั่งคู่กรณีก็มีทนายความไปด้วยและตนเองก็มีทนายความไปด้วย


ซึ่งทางคู่กรณีตกลงที่จะยอมย้ายของออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปก่อน จากนั้นมีการนัดเจรจากันอีกรอบ ทางคู่กรณีประสงค์ที่จะซื้อบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทางตนเองจึงเสนอขายในราคา 4.5 ล้านบาท รวมค่าใช้ประโยชน์ ค่าเช่า และค่าเสียหายต่างๆ แต่ทางคู่กรณี ต่อราคาเหลือ 1.2 ล้านบาท ทางตนเอง จึงไม่ขายให้ จากนั้นก็เข้าดำเนินการล็อกบ้านทั้งประตูรั้วและประตูด้านในวันที่ 17 กันยายน 2566


ต่อมาช่วงปลายปี ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 ทางซันและอาย บอกว่าเข้าไปดูบ้านอีกรอบก็ยังไม่มีการบุกรุกทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมประตูรั้วประตูด้านในยังถูกล็อกด้วยกุญแจที่ตนเองล็อกไว้


กระทั่งธันวาคม 2566 ทั้งคู่ได้รับหมายฟ้องปรปักษ์บ้านหลังดังกล่าว ตนเองจึงปรึกษากับ ทางทนายเดชาอีกรอบ และได้เข้าไปดูบ้าน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ซันและอายบอกว่า ทั้งคู่ถึงกับตกใจ เพราะอยู่ ๆ มีป้ายมาติดหน้าบ้านขายไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา และพบว่า มีคนนั่งกินข้าวอยู่ในบ้าน 3 คน ซึ่งเป็นคนที่ซันและอายฟ้องบุกรุกไปก่อนหน้านี้


อาย บอกว่า ตนเองจึงโทรแจ้งตำรวจในพื้นที่เพราะกลัวว่าจะเกิดการปะทะคารมกันขึ้นพอตำรวจมาถึงพบว่าทั้ง 3 คน หนีออกไปจากบ้านก่อนแล้ว ตำรวจจึงต้องไปเรียก ซึ่งพบว่า บุคคลดังกล่าวก็เป็นญาติพี่น้องกับ น.ส.ศรีพรรณ และคุณนุ แต่มาอ้างว่าไม่รู้เรื่องก่อนต่อสายให้คุยกับทนายความ ซึ่งทางทนายความอ้างว่า ที่คุณศรีพรรณและคุณนุ ให้สัมภาษณ์ว่า สละสิทธิ์บ้านหลังนี้ เนื่องจากถูกสื่อฯกดดัน


อายและซัน บอกอีกว่าทางคู่กรณีจะมาอ้างสื่ออ้างนักข่าวกดดันแบบนี้มองว่า ไม่ถูกต้องเพราะไปให้สัมภาษณ์ในหลายรายการแล้วว่าไม่มีเจตนาที่จะครอบครองปรปักษ์ ไม่มีเจตนาที่จะยึดครองเป็นของตัวเอง ซึ่งหากต้องการจะครอบครอง ก็ควรพูดตั้งแต่แรกแล้วมาสู้คดีกัน แต่นี่ตกลงกันแล้ว แต่มาต่อราคาจาก 4.5 ล้านเหลือ 1.2 ล้าน พอตนเองไม่ยอมขายให้ก็มาตั้งเรื่องฟ้องปรปักษ์ ตนเองก็พร้อมสู้คดีให้ถึงที่สุดเหมือนกัน มั่นใจพยานหลักฐาน ว่า คู่กรณีไม่ได้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าวเกิน 10 ปี

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ