อัยการเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม “พ.ร.บ.อุ้มหาย” 21 ตำรวจ-พลเรือน คดี “เป้รักผู้การ”

ช่วงเช้าวันนี้ (12 ก.พ.) คณะพนักงานสอบสวนพลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ได้นัดหมายพลตำรวจตรีกัมพล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวก ทั้งที่เป็นตำรวจและพลเรือน รวม 33 คน มารายงานตัว เพื่อแจ้งข้อหาในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน 140 ล้านบาท หรือ คดี เป้รักผู้การ


นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ระบุว่า วันนี้แบ่งกลุ่มผู้ต้องหาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มพลตำรวจตรีกัมพล กับข้าราชการตำรวจ 17 คน และพลเรือนกลุ่มของนาย บอย พัทยา จำนวน 4 คน ที่เคยแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้วเมื่อตอนที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าชุดคณะพนักงานสอบสวน แต่ต้องแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพิ่มเติม


ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ไม่ได้แจ้งข้อหาในล็อตแรก แต่คณะทำงานชุดปัจจุบันเห็นว่ามีความผิด จึงเรียกมาแจ้งข้อหาใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ 3 นาย และพลเรือนอีก 9 คน


โดยวันนี้ได้นัดผู้ต้องหาทั้งสิ้น 20 คน ส่วนที่เหลือได้นัดหมายให้เข้ามารับทราบข้อหาในวันพรุ่งนี้


หลังจากนั้นคณะทำงานก็จะสรุปสำนวนเสนออัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต คาดว่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนประมาณ 2 เดือนหลังแจ้งข้อหา ขึ้นอยู่กับผู้ต้องหาว่าจะอ้างพยานหลักฐานใดให้พนักงานสอบสวนต้องสอบเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการร้องขอความเป็นธรรมทุกเรื่อง คณะทำงานจะต้องสอบให้ทั้งหมด ต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ด้วย ส่วนหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอัยการผู้รับผิดชอบคดี แต่เนื่องจากคดีนี่ ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ไม่ได้ถูกฝากขัง ทำให้อัยการจะมีเวลาพิจารณาสำนวนมากขึ้น เพราะไม่มีเงื่อนระยะเวลาฝากขังมากำหนด