สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 8 ก.พ.67 ป.ป.ช.เตือนแจกเงินดิจิทัล-แรมโบ้แฉถูกตบทรัพย์-อาม่าวัย 84 ตกคอนโดดับ

โดย thichaphat_d

8 ก.พ. 2567

43 views

1.แรมโบ้ หอบหลักฐานแฉ ถูกแก๊งตบทรัพย์คุกคามจนน้ำตาตกใน

แรมโบ้อีสาน หอบหลักฐานแฉ นาย อ. 1 ในขบวนแก๊งพี่ศรี มอบให้ ปปป. ดำเนินคดี เผยถูกตบทรัพย์หนัก ถึงขั้นน้ำตาตกใน โดนคุกคามไม่ได้หลับได้นอน แจ้งความ 6 ครั้งคดีไม่คืบ แฉกลุ่มที่ก่อเหตุไม่มี ศ. และมีนาย ว.แหวน มาเอี่ยวเพิ่ม แต่ยังไม่ขอเปิดคลิปเสียงเพราะพนักงานสอบสวนกลัวกระทบรูปคดี

ด้าน วีระ สมความคิด ฟาดกลับหลังถูกโยง คือ ว.แหวน ร่วมตบทรัพย์เสกสกล ถามกลับแน่จริงเปิดมาเลยคือใคร ลั่นทำงาน 30 ปี ไม่เคยรีดทรัพย์ ใครมีหลักฐานแฉมาเลย ย้ำไม่ได้เป็นทีมเดียวกับเอกลักษณ์ เพราะเอกลักษณ์เป็นคนที่มายื่นเรื่องร้องเรียนกับตน

2.บิ๊กเต่าลั่นไม่มีถอย – อธิบดีกรมการข้าว ให้ข้อมูลคดีตบทรัพย์เพิ่ม

อธิบดีกรมการข้าว ให้ข้อมูลเพิ่มที่ บก.ปปป. เจ้าตัวส่งยิ้มแทนคำตอบ หลังสื่อรุมถาม บิ๊กเต่าเผยคดีมีความคืบหน้าไปเยอะแล้ว ที่เรียกอธิบดีกรมการข้าวมาพูดคุย ก็จะพูดคุยทุกเรื่อง พร้อมยืนยันว่าไม่มีถอย ขณะที่บิ๊กเต่าพร้อมชุดสืบสวนเข้าคุยกับ ธนกฤตผู้ช่วยรัฐมนตรี หลังเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งนักร้อง ขู่ร้องเรียนประมูลกำไล EM ทั้งที่ตรวจสอบไม่พบการทุจริต เคยให้ทนายเจรจาที่บ้านพัก 1 ในผู้ต้องหาเมื่อ 14 ม.ค. และถูกเรียกรับเงิน

3.อาม่าวัย 84 ตกคอนโดดับ คาดเครียดไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน

อาม่าวัย 84 ตกคอนโด 8 ชั้นร่างกระแทกรถยนต์ลูกบ้านที่จอดข้างล่างเสียหาย จนอาม่าเสียชีวิต รปภ.เล่านาทีเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่น นึกว่าหม้อแปลงระเบิด จนมาเห็นร่างอาม่า รับรู้สึกเศร้ากับความสูญเสียนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจห้องพบเก้าอี้วางชิดระเบียง คาดผู้ตายใช้เหยียบเพื่อปีนโดดลงมา ด้านลูกชายร่ำไห้ ยันก่อนออกจากบ้านสำรวจประตูหน้าต่างดีแล้วว่าปิดครบ ไม่คิดแม่ทำแบบนี้ คาดเครียดเกรงใจเป็นภาระลูกหลานเลยก่อเหตุ

4.กนง.เสียงแตก มีมติ 5 ต่อ 2 คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50

กนง.เสียงแตก มีมติ 5 ต่อ 2 คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี โดย 2 เสียงเห็นควรให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี

5. อธิบดีกรมอุทยานฯ แจงย้ายหัวหน้าเขตฯ สลักพระ เซ่นปมไฟป่า

อธิบดีกรมอุทยาน แจงย้ายด่วน หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสลักพระ ไม่เกี่ยวคัดค้านอุโมงค์ผันน้ำผ่านพื้นที่ป่า แต่มาจากปมไฟป่า ที่มีผู้ลักลอบเผาจนในพื้นที่มีไฟไหม้สะสม 231 จุด สูงสุดในป่าอนุรักษ์ เจ้าตัวยันอยู่ในพื้นที่ช่วยดับไฟป่าตลอด วันก่อนยังร่วมปฏิบัติการเลย แต่อาจไม่ได้อยู่ในวอร์รูม

6. หนุ่มต่างชาติ ร้องถูกแก๊งยากูซ่ารุมตื้บสาหัส คดีไม่ได้รับความเป็นธรรม

หนุ่มญี่ปุ่นเชื้อสายเปรู ร้องสายไหมต้องรอด ช่วยพาพบอัยการ ถูกแก๊งยากูซ่า 5 รุม 1 กระทืบเจ็บสาหัส จมูกหัก ตาแตก บาดแผลฟกช้ำทั่วตัว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพระโขนง แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางคดี แฉแก๊งนี้ใช้ไทยเป็นที่ฟอกเงินธุรกิจสีเทา เตรียมร้องบิ๊กโจ๊กช่วยปราบ

7. กทม.นัดถก บีทีเอส เคลียร์หนี้สายสีเขียว 2.3 หมื่นล้าน

ที่ประชุมสภา กทม. ไฟเขียวผ่านวาระ 2 และ 3 จ่ายหนี้ BTS ที่สะสมกว่า 23,488 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่างานระบบเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 วงเงิน 2 หมื่น 3 พันกว่าล้านบาท ผู้ว่าชัชชาติ ลุยเจรจาแผนชำระหนี้ทันทีวันนี้ พร้อมเร่งสร้างความเข้าใจกับ ปชช. เหตุ และขอให้เร่งจ่ายเพื่อไม่ให้เป็นภาระงบด้านอื่น



เรื่องเล่าการเมือง 8 ก.พ.67

-ป.ป.ช.แนะรัฐบาล 8 ข้อ แจกเงินดิจิทัล เตือนกู้เสี่ยงขัดรธน.


เมื่อวานนี้มีประเด็นใหญ่เกี่ยวข้องกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หลัง ป.ป.ช. แถลงชี้ 4 จุดเสี่ยง และ 8 ข้อเสนอไปยังรัฐบาล ย้ำว่า ไม่ได้คัดค้าน เพียงแค่แนะนำให้พิจารณา ก็เตือนว่าการกู้เงิน เสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงผลการศึกษาและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของรัฐบาล

โดยชี้ 4 ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณา คือ 1.ความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย 2.ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ ก็ระบุว่า “สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤต ควรพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง อาทิ กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 3.ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ที่รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเคร่งครัด และ 4.อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และประเด็นการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง

นอกจากนี้ ยังมี 8 ข้อเสนอไปยังรัฐบาล ที่น่าสนใจ อย่างข้อ 2 พูดถึงการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย กับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เกี่ยวกับโครงการมีความแตกต่างกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งควรตรวจสอบมิฉะนั้น จะเป็นบรรทัดฐานสำหรับพรรคการเมืองสามารถหาเสียงไว้อย่างไร เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามที่ได้หาเสียงไว้

ส่วนข้อ 3 ระบุถึงวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวัง พิจารณาระหว่างผลดี ผลเสียที่จะต้องกู้เงินจำนวน 500,000 ล้านบาท ในขณะที่ตัวทวีคูณทางการคลังมีเพียง 0.4 การกู้เงินจึงเป็นการสร้างภาระหนี้แก่รัฐบาลและประชาชนในระยะยาว

และข้อ 7 พูดถึงภาวะเศรษฐกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้จากการศึกษา มีความเห็นตรงกันว่า อัตราความเจริญเติบโตของประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น

และ ข้อ 8 หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรแจกจากแหล่งเงินงบประมาณปกติ ไม่ใช่เงินกู้ จะลดความเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ และขัดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง

โดยเลขาธิการป.ป.ช. ย้ำว่าสิ่งที่แถลง เป็นข้อเสนอแนะเชิงวิชาการ “ไม่ใช่ความคิดเห็นที่คิดเองเออเอง” ก็บอกว่า ไม่ได้ค้าน หรือระงับโครงการแจกเงินดิจิทัล เพียงแค่มีหน้าที่อุดช่องโหว่การทุจริต ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุก ไม่ใช่รอให้มีการทำความผิด มีความเสียหายเกิดขึ้น

นี่เป็นการช่วยกันทำเพื่อประเทศ และ ไม่มีอคติต่อกัน โดยช่วงนึงก็ย้ำกับนักข่าวว่า ป.ป.ช.กังวลทั้ง 8 ข้อ แต่ส่วนตัวที่กังวลที่สุดคือ “กลัวตัวเองจะเป็นลูกหนี้ร่วม”



-นายกฯ ข้องใจ ป.ป.ช.ขีดเส้นแจกเงินดิจิทัล เหน็บไม่ใช่หน้าที่

ขณะที่ ท่านนายกฯ ระบุน้อมรับข้อเสนอแนะ เพื่อปิดช่องการทุจริตในโครงการแจกเงินดิจิทัล แต่ข้องใจเรื่องข้อเสนอให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ก็ย้ำหน้าที่ของ ป.ป.ช. คือ ตรวจสอบการทุจริต ส่วนนโยบายนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บอกว่าน้อมรับข้อเสนอแนะของป.ป.ช. ที่ให้ความเห็นต่อโครงการแจกเงินดิจิทัล และย้ำในเรื่องการทุจริต จะมีการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นยืนยันว่าต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้และระมัดระวังอยู่แล้ว ก็บอกว่าในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ หลังจากนั้นจะมีการแถลงใหญ่ออกมา

นักข่าวพยายามถามในรายละเอียด อย่างเรื่องงบประมาณ ที่ ป.ป.ช. แนะให้กลับมาใช้งบประมาณประจำปี ดีกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ท่านนายกฯ บอกว่า "ต้องไปพูดคุยกัน" ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ระบุว่า ยังไม่ทราบ ต้องดูความเหมาะสมก่อน

ขณะที่ข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ถึงขั้นให้ปรับเกณฑ์แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อย ท่านนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูว่าเหตุผลคืออะไร แต่ย้ำว่า "หน้าที่ของป.ป.ช. คือการตรวจสอบ ทุจริตประพฤติมิชอบ

ส่วนนโยบายว่าจะให้ใครบ้างเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นย้ำว่า เราน้อมรับข้อสังเกตเรื่องของการทุจริต เพื่อให้ ป.ป.ช.สบายใจว่าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ได้โพสต์หลังป.ป.ช.มีการแถลง ระบุว่า “ใครได้อ่านข้อเสนอของปปช.ต่อโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแล้วบ้าง ทำให้สงสัยว่า

1. ที่ว่าตัวทวีคูณทางการคลังมีเพียง 0.4 นั้น ท่านได้มาจากไหนอย่างไร และ 2. มีเนื้อหาแทรกแซงการกำหนดนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ รวมถึงบอกว่า “ตัวทวีคูณทางการคลังของโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ขั้นต่ำที่สุดน่าจะประมาณ 1.20 ครับ“


-ศิริกัญญา ชี้ความเห็น ป.ป.ช. เปิดช่องคนร้องเรียนดิจิทัลวอลเล็ต ง่ายขึ้น

ด้าน สส. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มองว่า ความเห็น ป.ป.ช. ที่ออกมาเป็นการเปิดช่องให้คนร้องเรียนง่ายขึ้น แนะรัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำตาม และควรหาข้อมูลมาหักล้าง

น.ส.ศิริกัญญา บอกว่า หลายเรื่องที่ ป.ป.ช.มีความเห็นมาในครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างจากความเห็นที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ แม้ครั้งนี้จะมีการพยายามปรับให้โทนของความเห็นเบาลง แต่ความจริงก็เหมือนเดิมทุกประการ และหลายเรื่องรัฐบาลทราบอยู่แล้ว

คำแนะนำของ ป.ป.ช. ก็เป็นเพียงอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ตาม กฎหมาย แต่รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม แม้เราเห็นด้วยในบางข้อ แต่ในหลายข้อเราก็คิดว่าน่าจะเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ ของ ป.ป.ช.ในการแนะนำ อย่างการให้จำกัดคนที่จะได้รับประโยชน์ให้เป็นเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือรายได้น้อยเท่านั้น ก็ต้องมาดูด้วยว่าวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการที่แตกต่างกัน อาจไม่ได้เพื่อกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ

และบอกด้วยว่า การที่ ป.ป.ช.ทำรายงานฉบับนี้ออกมา ทำให้ทุกอย่างต้องดีเลย์ออกไป เป็นการเสียระยะเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

น.ส.ศิริกัญญา ยังย้ำว่า ยังมีหนทางที่จะใช้งบประมาณ ปี 2568 เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย แต่จะทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก และอีกข้อจำกัดคือแม้จะใช้งบปี 2568 ก็ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับโครงการ 500,000 ล้านบาทนี้ ดังนั้น การลดกลุ่มเป้าหมายลงมาก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่อีกปมที่ยังไม่ได้แก้ คือเรื่องความคุ้มค่าของโครงการ



-จิรัฏฐ์ ยัน ใบ สด.43 ของจริง รู้สึกตลก กองทัพไม่ตรวจสอบก่อนแจ้งความ

ปัญหา ใบ สด.43 ของ สส.จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล หลังจากผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน แจ้งความดำเนินคดี กับ ใช้เอกสาร ใบ สด.43 ปลอม เมื่อวานนี้ เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ เรื่ิองนี้อีกครั้ง ตั้งคำถามว่า กองทัพเห็นแค่ภาพ แล้วไปแจ้งความ ทำไมไม่ตรวจสอบ

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล พูดถึงการที่ ผบ.นรด. แจ้งความดำเนินคดี จากปัญหาใบ สด.43 ว่า เรื่องนี้ ต้องพิสูจน์ให้ครบรอบด้านมองว่า กองทัพตรวจสอบ เร่งรีบไปแจ้งความก่อน ทั้งที่สามารถตรวจสอบยืนยันก่อนได้ว่า เป็น ของจริงหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ไปแจ้งความ เพราะอยากให้ความจริงมันกระจ่างสักที

นักข่าวถามว่ายังมั่นใจว่าเป็น ใบ สด.43 จริงหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ บอกว่า มั่นใจของแท้แน่นอน มีการฉีกมาจากเล่ม แน่นอน และต้องมีตนขั้วแน่นอน ไม่งั้นผมคงโดนจับไป คงต้องโดนตำรวจจับ ข้อหาหนีทหาร ตั้งแต่ปี 2557 -2558 แล้ว

ส่วนประเด็นต้นที่ฝั่งกองทัพ บอกว่ายังอยู่ครบ ทั้ง 3 ฉบับนั้น นายจิรัฎฐ์ กล่าวว่าไม่ทราบ ว่านำข้อมูลมาจากไหน เพราะของตนเองก็เป็นของจริง และถ้ากองทัพ เจอเฉพาะ ใบที่เป็นชื่อนวรินทร์ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะตนเองเปลี่ยนชื่อ มาเป็น จิรัฏฐ์ ตั้งแต่ปี 2552 แล้วตั้งแต่ผ่อนผัน ปี 2553 - 2555 ก็ใช้บัตรประชาชน ชื่อ จิรัฏฐ์ ไปผ่อนผันพร้อมกับใบเปลี่ยนชื่อ แนบไปตลอด ไม่ใช่ชื่อ นวรินทร์ (ชื่อเก่า) ซึ่งหากหน่วยงานคุณไม่อัพเดทข้อมูลเองจะมาโทษตน ก็ไม่ได้

ส่วนจะฟ้องดำเนินคดีกลับหรือไม่ นายจิรัฎฐ์ บอกว่าขอกลับไปปรึกษา ทางพรรคก้าวไกล ตอนนี้ ยังไม่มีความคิดที่ ต้องฟ้องกลับตอนนี้



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XDETZfS_HXY

คุณอาจสนใจ

Related News