เลือกตั้งและการเมือง

'หมออ๋อง' พร้อมรับผิดชอบ เป็นหนึ่งใน 44 สส. ร่วมลงชื่อแก้ ม.112 ชี้ไม่กังวลกระทบกับตำแหน่ง

โดย chiwatthanai_t

6 ก.พ. 2567

72 views

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ตนเองเป็นหนึ่งใน สส. 44 คน ของพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อปี 2564 โดยระบุว่า ต้องหารือกัน เพราะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากตนเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคชุดนั้นจริงๆ และเป็นผู้เห็นด้วยกับนโยบายหาเสียงดังกล่าว



"เรื่องในอดีตผมก็มีส่วนทั้งรับผิดและรับผิดชอบ ดังนั้นก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการ ถ้าจะมีการเรียกไต่สวนหรือเรียกพยาน ก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่" นายปดิพัทธ์ กล่าว


นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการนำเสนอนโยบายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แคมเปญต่างๆ รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนและพูดไปตามข้อเท็จจริง และไม่กังวลว่าจะกระทบกับตำแหน่งของตนเองในอนาคต แต่กังวลว่าจะกระทบกับสิทธิเสรีภาพของฝ่ายนิติบัญญัติมากกว่า เพราะตอนนี้ฝ่ายนิติบัญญัติกลับมีองค์กรอื่น มากำหนดว่า สส.ของเราทำอะไรได้หรือไม่ได้ เสนอกฎหมายได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก


"ผมยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับผม ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่ในตำแหน่งได้นานเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องว่าประเทศไทยของเรายังไม่หลุดพ้น จากอำนาจที่อาจจะอยู่เหนือหรือล้ำรัฐธรรมนูญ"


นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ในระยะสั้นเชื่อว่าสังคมจะเกิดคำถามต่อกระบวนการพิจารณาขององค์กรอิสระ ว่ามีความยุติธรรมและเป็นไปตามจริยธรรมที่ถูกต้องขององค์กรหรือไม่ และยังมีเรื่องของการห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องใหม่ในสังคมที่ไม่เคยเจอมาก่อน หากคำตัดสินไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ นักวิชาการจำนวนมากก็มองว่าจะเป็นการใช้อำนาจเกินไปหรือไม่


ส่วนการหารือในระยะยาวนั้น คือเรื่องบทบาทขององค์กรอิสระต่างๆ ที่แม้จะเริ่มมีต้นกำเนิดจากรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ก็มีผลพวงมาถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่ต้องมีการทบทวนอย่างหนักถึงบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะไม่เคยได้รับการประเมินอย่างตรงไปตรงมาถึงความจำเป็นที่จะมีอยู่หรือไม่มีในอนาคต รวมถึงรูปแบบการทำงานและอำนาจหน้าที่


นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่อำนาจนิติบัญญัติโดนดูถูกและตกต่ำ เพราะหาก สส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน หากจะเสนอกฎหมายทุกเรื่องต้องถามศาลก่อน ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักการ มองว่าแม้แต่คนในกระบวนการยุติธรรมเอง ถ้าทำผิดก็ควรต้องมีกระบวนการเอาผิดได้ ไม่อย่างนั้นก็จะมีอำนาจล้นเกินของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง


นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ควรจะจัดสมดุลอำนาจอย่างไร ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยว่านิติบัญญัติจะสามารถเป็นเอกเทศได้โดยไร้การตรวจสอบ แต่ผู้ตรวจสอบเองกลับไม่มีใครไปตรวจสอบเขา และยังมองว่า อำนาจนิติบัญญัติตกต่ำที่สุด ใน 3 อำนาจ คือบริหารและตุลาการ จึงคิดว่าต้องกลับมาจัดสมดุลอำนาจใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

คุณอาจสนใจ

Related News