เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ ดอดตรวจระบบ ตม.สุวรรณภูมิ หลังระบบล่มบ่อย กระทบต่อผู้โดยสาร

โดย nutda_t

5 ก.พ. 2567

354 views

เมื่อเวลา 09.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อตรวจและติดตามระบบตรวจคนเข้าเมืองที่เกิดปัญหา เนื่องจากระบบตรวจคนเข้าเมือง (Biometrics) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดขัดข้องมา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบ ส่งผลช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels ไม่สามารถตรวจได้ ส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินขึ้นลงหนาแน่น โดยเฉพาะผู้โดยสารขาออกประเทศ โดยมี พลตำรวจตรีเชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ต้อนกลับและรายงาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาตรวจเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล

จากนั้น เวลา 11.05 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงทำเนียบและให้สัมภาษณ์ ว่าเป็นการเดินทางไปโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า เพราะอย่างที่ทราบว่าประมาณต้นเดือนมีนาคม จะมีการประกาศยกระดับสนามบินของประเทศไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นแผนงานใหญ่ ในส่วนการตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งระบบวิธีการจัดการทั้งหมดเป็นเรื่องที่สำคัญ ตนจึงไม่อยากฟังแค่รายงาน อยากไปดูให้เห็นกับตา แต่ไม่อยากใช้คำว่า "ปัญหา" ขอให้ใช้คำว่า  "โอกาส" คือเรามีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้นได้ในหลายๆมิติ เริ่มจากงานระบบไอที ซึ่งมีผู้ประกอบการหลายเจ้าเข้ามาทำแต่ไม่มีการยึดโยงกัน ทั้งระบบแบคอัพและความเสถียรของระบบ รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเข้าไปดูพื้นที่ ไปพักผ่อนที่เจ้าหน้าที่ใช้พักผ่อน ในช่วงที่มีการเปลี่ยนกะตรวจเวร ซึ่งพบว่าความเป็นอยู่ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การให้จึงสั่งให้มีการปรับปรุง ซึ่งทุกอย่างอยู่ในแผนงานทั้งหมด ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปรับข้อมูลด้วยตัวเอง เพื่อนำมาปรับปรุง และเขียนลงในแม่แบบจะแถลง ส่วนปัญหาระบบล่มก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ

เมื่อถามว่า ระบบล่มเป็นเรื่องของเทคนิคหรือบุคลากร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของระบบ เพราะในข้อเท็จจริงมีหลายหลายระบบเข้ามาเกี่ยวข้องกัน ระบบแบคอัพก็ไม่ค่อยดี เมื่อจำนวนคนเข้ามาเยอะทำให้ระบบหน่วง เช่นเวลาปกติเวลาคนเดินทางเข้ามาสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาประมาณ 45 วินาที คนเข้ามา แต่เมื่อคนเข้ามาเยอะในทุกช่องทางทำให้เวลาเพิ่มเป็น 1 นาทีกว่าต่อคน ทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นไปอีก ถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะมีการประชุม และประชุมต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เพื่อเขียนเป็นแม่แบบนำไปสู่การแก้ไขอย่างบูรณาการ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน ระบบทั้งหมดจะสมบูรณ์และจบได้

เมื่อถามว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวก็เทียบเท่าก่อนเกิดโควิด ก็ต้องใช้วิธีบริหารจัดการกันไป ซึ่งได้ให้ KPI ไปแล้วว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามา การดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ต่อคิวจนถึงการประทับตราหนังสือเดินทางไม่ควรเกิน 30 นาที

ส่วนปัญหาเรื่องของการรับกระเป๋าเดินทางนั้น จากการสอบถาม เบื้องต้นได้รับรายงานว่าดีขึ้น แต่ก็จะทำให้ดีขึ้นอีกต้องดูระบบงานสายพานที่ส่งผ่านเข้ามา ซึ่งได้มีการสอบถามเจ้าหน้าที่และให้มีการแจ้งข้อมูลเข้ามา

สำหรับปัญหากำลังคนของ ตม. ก็ยอมรับว่ามีไม่เพียงพอ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว ว่าจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชุม โดยบ่ายนี้จะเชิญผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง มาพูดคุย โดยจะประสานขอไปทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งเป็นปัญหาระยะยาว อยากจะแก้ปัญหาครั้งเดียวให้จบ

เมื่อถามว่าระบบตรวจอัตโนมัติส่งผลต่อผู้โดยสารขาออกด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีผลกระทบต่อเนื่องกัน ซึ่งเมื่อเช้านี้ ตนก็ได้ไปดูด้วย ยอมรับว่ามีการต่อคิวยาวมาก ตั้งแต่ตรวจลงตราพาสปอร์ต การเอ็กซเรย์กระเป๋า รวมทั้งการแบคอัพออกมาข้างนอก ทำให้เวลาที่เข้าไปเช็กอินมีพื้นที่ไม่เพียงพอ

อย่างที่ตนเคยพูดไปว่า ขาออกไม่อยากให้มีการตรวจเช็กเยอะ แต่บังเอิญว่าปัญหาอยู่ 2 อย่าง คือ คนที่อยู่เกินเวลาที่ขออนุญาตไว้ กับเรื่องของมีความผิด ที่จะออกนอกประเทศ ตรงนี้ระบบไอทีลิงค์ได้ทั้งหมด ถ้าเป็นระบบออพติคที่สามารถเช็กได้ ก็ต้องตรวจให้ได้และมีความตื่นตัวอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นแผนระยะกลาง และได้ให้นโยบายไปแล้ว และจะมีการเรียกประชุมที่ทำเนียบอีกครั้งในเรื่องการลิงค์ระบบเข้าหากัน ถ้าสามารถไม่ต้องตรวจที่เคาน์เตอร์ไปที่ต้องประทับตาแล้วออกไป ก็จะทำให้ระยะเวลาการเดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเข้าประเทศไทยมีความสะดวกสบายตั้งแต่ลงเครื่องบินมาเลย เดินเข้ามาในงวงที่มีความชัดเจน ไม่ต้องนั่งรถบัสเข้ามาเปียกฝน เข้ามาถึงก็ไม่ต้องคอยนานถึง 30 นาที รับกระเป๋าแล้วออกไปได้เลย ระบบแท็กซี่ที่จะวิ่งเข้ามารับ ก็ต้องถูกต้องมีความเหมาะสม


ส่วนขากลับออกไป ก็ไม่อยากให้ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง เพราะจากการสอบถามและรับรายงานมาต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เมื่อเราต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็ให้ดี เรื่องเวลาก็ต้องเห็นใจนักท่องเที่ยวด้วย ได้เอาเวลาไปแทนที่จะได้เอาเวลาไปท่องเที่ยวเพิ่มและมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ก็ต้องเสียเวลามาสนามบิน ก็ถือโอกาสดีที่จะทำการท่องเที่ยวไทยดีขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ตม.สุวรรณภูมิ ,นายกรัฐมนตรี

คุณอาจสนใจ

Related News