รวบแก๊งลักหม้อแปลงไฟ ค้นบ้านหัวโจกเจอปืน แถมพบประวัติฆ่าชิงจยย.

วันที่ 4 ก.พ. 67 ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 3 ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.พลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ เข้าควบคุมตัวนายธีรพงศ์ หรือต้น อายุ 20 ปีพร้อม เยาวชนอายุ 13 ปี 1 คน อายุ 14 ปี 2 คน และ อายุ 15 ปี จำนวน 1 คน รวมเป็น 5 คน

หลังจากวานนี้ได้ก่อเหตุปีนขึ้นเสาไฟฟ้าแรงสูง แล้วทำการถอดน็อตหม้อแปลงไฟฟ้า เตรียมจะเอาลงมาเพื่อเอาไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า แต่มีคนมาเห็นก่อน


โดยนายธีรพงศ์ หัวหน้าแก๊ง ให้การรับสารภาพระหว่างการสอบสวนว่า ได้ความรู้จากพ่อที่เป็นช่างไฟฟ้าแล้วจดจำไว้ หลังจากนั้นได้ชวนรุ่นน้องในหมู่บ้าน ไปขโมยหม้อแปลงดังกล่าว เพิ่งเคยทำมาเป็นครั้งแรก ซึ่งได้วางแผนไว้ไปก่อเหตุตอนกลางคืน ด้วยการถอดน็อตหม้อแปลงไฟฟ้าทั้งหมดออก แล้วเอาเชือกมาผูกหม้อแปลงกับเสาไฟฟ้า


ซึ่งได้เตรียมการไว้จะเอาไฟเผาเชือกที่ผูกกับหม้อแปลง เพื่อให้เชือกขาดแล้วหม้อแปลงจะหล่นลงมา โดยด้านล่างได้เอายางรถยนต์วางรองรับการกระแทกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันเผาแต่สว่างก่อน


ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปค้นบ้านพักของหัวหน้าแก๊ง ปรากฎว่าพบซากรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก สารภาพว่ารถทั้งหมดขโมยมาจากโรงเรียนในตัวอำเภอ แล้วเอามาชำแหละสลับเครื่องยนต์แต่งซิ่งเอาไว้ขี่เล่น


จากการตรวจค้นยังพบอุปกรณ์การโจรกรรมหลายรายการ มีทั้งเครื่องเจียร์, เลื่อยตัดเหล็ก, ประแจแหวน ,อาวุธมีด และเครื่องมืออุปกรณ์ใช้ตัดสายไฟ นอกจากนี้ยังตรวจพบอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุปืนขนาด.38 จำนวน 6 นัด


จากการตรวจสอบอาวุธปืนอย่างละเอียดพบว่า กระสุนปืนไปตรงกับคนร้ายที่ใช้กระสุนแบบเดียวกันยิง นายปรัชญากร อายุ 71 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ เสียชีวิตขณะเลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนา แล้วชิงเอารถจักรยานยนต์ไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 สุดท้ายนายธีรพงศ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าชิงทรัพย์จริง


ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์(หม้อแปลงไฟฟ้า ขนาด 50 KVA 3 เฟส) ในเวลากลางคืนที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป และนายธีรพงศ์ หรือ ต้น วรนุชอาวุธปืน (ไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปินไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธป็นและเครืองกระสุนปืนไป ในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" ส่วนคดีฆ่าชิงทรัพย์คนเลี้ยงควาย จะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป