เลือกตั้งและการเมือง

อธิบดีข้าว เปิดใจครั้งแรก ลั่น “ผมแค้น” จึงวางแผนล่อซื้อ “ศรีสุวรรณ”

โดย paranee_s

30 ม.ค. 2567

94 views

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดใจครั้งแรก หลังมีการรวบรวมหลักฐานแจ้งจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา กรณีเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว โดยเผยว่าวันนี้ตัดสินใจมาแถลงข่าว และจะพูดเฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนเองได้ดำเนินการกับภรรยา 2 คน รวบรวมข้อมูลทั้งหมด เป็นระยะเวลานานพอสมควร และไปแจ้งความดำเนินคดี โดยที่ทีมงานของรัฐมนตรีไม่มีใครรู้สักคน



โดยวันที่ 28 พฤศจิกายน ด้วยความรำคาญใจจึงตัดสินใจไปที่บ้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ไปกับพี่หมู และภรรยาตนเอง รวม 3 คน ตนไปในฐานะที่นายศรีสุวรรณ เป็นรุ่นน้องผมที่สถาบันแม่โจ้ ตนก็ต้องมีผู้ใหญ่ มีพยานไปด้วย เพราะว่าถ้าตนเองไม่มีพยานไปด้วย ตนเองก็จะแย่



วันนั้นไปบ้านนายศรีสุวรรณ เพื่อถามว่าทำไมต้องร้องเรียนตนเอง ตนเองผิดอะไร จะไปร้องเรียนไปดูข้อมูลหรือยังว่าผิดอะไร เพราะผลการสอบสวนออกมาแล้วทั้ง 4-5 โครงการ ตนเองไม่มีความผิด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเคลียร์การจ่ายเงิน ซึ่งตอนนั้นต้นค่อนข้างหัวร้อน แต่ทางนายศรีสุวรรณค่อนข้างนิ่ง



ส่วนพี่หมูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย รวมถึงจ่ายเงินจ่ายทองอะไร “ผมพูดความจริง ผมแขวนพระอยู่เต็มอก ผมพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้โกหก ไม่ได้ไปเจรจาเรื่องการจ่ายเงินจ่ายทองอะไรทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกัน”



หลังจากนั้นทอดเวลามาประมาณ 2-3 อาทิตย์ จนกระทั่งการแถลงข่าวเรื่องฝนหลวง และก็มีการพูดถึงกรมการข้าว ซึ่งในคืนนั้นก่อนเกิดเหตุ ตนก็ได้รับการติดต่อมา ว่าจะมากินกาแฟด้วย ตนจึงสั่งลูกน้องให้ติดกล้องวงจรปิดทั้งกรม โดยระบุว่า “มันไม่รู้จักหยุดสักที ผมเจ็บใจมาก มันเป็นใคร ประเทศไทยอยู่ได้ยังไง ถ้ามีคนประเภทนี้ ผมจึงวางแผนกันเอง โดยที่ไม่ให้ทีมงานรัฐมนตรีเดือดร้อน ก็พอมีเงินอยู่ กลัวอะไร สู้ไม่ได้ ก็แจ้งทนายสู้สิ ไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร ผมจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ด้วยความรำคาญ ตายเป็นตาย ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ชีวิตเกิดครั้งเดียว ถ้าไม่ผิดอย่ามาแกล้งกัน”



ตามข้อกฎหมาย ตนเป็นข้าราชการ ถ้าตนผิดก็ต้องถูกสอบสวน แต่กรมสอบสวนก็ออกมาบอกแล้ว ว่า ไม่มี ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ นี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 28 พฤศจิกายน



ส่วนเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ทราบเรื่องได้อย่างไรนั้น ตนได้โทรไปกราบขอโทษแล้ว ตนต้องขอโทษนาย ที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวทีมงานนายเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของข้าราชการคนหนึ่ง ทั้งตัวเองและครอบครัว ที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องห่าเหวอะไรก็ไม่รู้



เมื่อนายศรีสุวรรณถูกจับ ทีมงานทราบภายหลัง ตนจึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้รัฐมนตรีทราบ และขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและให้กำลังใจตน



พร้อมกันนี้ ยืนยัน ว่าไม่มีการจ่ายเงินในวันที่ 28 พฤศจิกายน แต่ไม่รู้ว่าที่ปรึกษากฎหมายที่ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้พูดอะไร แต่ต้องฟังจากปากตน ต้องเขียนแบบที่ตนพูด ห้ามบิดเบือน ถ้ามีการจ่ายเงินวันนั้น นายศรีสุวรรณจะร้องตนทำไม ย้ำว่า เจอนายศรีสุวรรณแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะเกิดเรื่อง หลังจากนั้นไม่ทราบ เพราะตนได้มอบหมายให้ภรรยาของตนไป



ส่วนกระแสข่าวการต่อรองจำนวนเงินจาก 3 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาทนั้น นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า มันแค้น ทำไมต้องทำตัวแบบนี้อีก ตนไม่ผิด เงินทั้งหมด ตนตั้งใจล่อซื้อ สำหรับการล่อซื้อที่การกระทำหลายครั้งนั้น



ก่อนย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า ถ้าล่อซื้อครั้งเดียวจะไปจับคนได้อย่างไร ต้องมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ไม่ได้ทำโดยพลการ



ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี ชื่อย่อ “ป.ปลา” นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เกี่ยวกับตน เมื่อถามว่า คิดว่ามีเบื้องหลังเกมการเมืองอะไร หรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่มีเบื้องหลัง



ส่วนที่มีอดีตนักการเมืองโทรมาบอกให้เบาหน่อย ยืนยันว่าไม่มี ผมไม่รับโทรศัพท์ใคร ไลน์เป็นพันไม่อ่าน ภรรยายังไม่รับโทรศัพท์เลย ทีวีก็ไม่ดู นั่งไหว้พระสวดมนต์ 1 วันอยู่หิ้งพระ 1 ชั่วโมง สวดสามเวลาเช้า กลางวัน เย็น



ปัจจุบันผมตั้งใจทำงาน เหล้าไม่กิน เที่ยวไม่เที่ยว และเป็นข้าราชการที่ได้ครุฑทองคำ ยืนยันได้ว่าโครงการต่างๆ ของกรมฯ นั้นตรวจสอบได้ทั้งหมด ทั้งนี้ไม่ทราบว่าทำไมตนถึงตกเป็นเป้า และไม่ทราบว่าเป็นการสกัดทางการเมืองหรือไม่



เมื่อถามว่า ก่อนที่จะไปพบนายศรีสุวรรณนั้น เจ้าตัวติดต่อเข้ามาอย่างไร นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า เจ้าตัวมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากมาย จนตนทนรำคาญไม่ไหว แต่ที่ตนทราบว่ามีการร้องเรียนถึงตนนั้น เหตุเพราะมีจดหมายผิดซอง โดยร้องเรียนเข้ามา แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา



นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงบทบาทของภรรยาของอธิบดีว่า รู้เรื่องในกรมค่อนข้างดีหรือไม่อย่างไร ทางอธิบดียืนยันว่าไม่รู้เรื่องหรอกในกรม ตนรู้เรื่องคนเดียว ภรรยาอยู่หลังบ้าน ไม่เกี่ยว



ส่วนที่ตนรู้สึกโกรธ คือ ตนรับราชการ มีธุรกิจครอบครัว ทำด้วยความสุจริต ที่เจ็บใจมากที่สุดกว่าจะเลี้ยงได้แต่ละตัว แต่กลับบอกว่าภรรยาของตนค้าตีนไก่ พูดเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร สะท้อนแล้วว่าสังคมไทยเป็นเช่นนี้ ต้องจัดการ



สื่อข่าว ถามต่อว่าความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ม.แม่โจ้ ยังคงเดิมหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ ตอบว่า หากเป็นสมัยก่อนได้โดนก้านกล้วยรอบสระแน่ ทั้งยังมีโกนหัวครึ่งซีก และอื่นๆ



ส่วนการโยกย้ายงบประมาณของกรมการข้าวไปให้หน่วยงานอื่นดูแล ถือว่าผิดปกติหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ ตอบว่า งบโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,000 ล้านบาท นั้น เป็นงบที่ไม่ได้ใช้ กรมการข้าวไม่ได้บริหารเอง จึงต้องโอนไปให้ ธ.ก.ส.บริหารจัดการต่อ ซึ่งมีมติ ครม.ออกมาแล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ