เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' เผยหารือ 'หวังอี้' หลายมิติ แย้มรัฐบาล-เอกชนจีน สนใจโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’

โดย nattachat_c

30 ม.ค. 2567

13 views

เมื่อวานนี้  (29 ม.ค.67)  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบและหารือกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน โดยระบุว่า ได้คุยกับนายหวังอี้ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง มีหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องที่ได้มีการลงนามระหว่างไทยและจีน เกี่ยวกับวีซ่าฟรี ที่ทั้งสองประเทศเดินทางไป-มา โดยไม่ต้องขอวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงมิตรภาพที่จะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ โดยเรื่องของการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งก็มีการพูดคุยกัน


โดยนายหวังอี้ ก็บอกว่า ประเทศจีนก็มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อยากให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปประเทศจีน ซึ่งตนก็ยืนยันว่า เราก็สนับสนุนให้ประชาชนของสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กัน และมีการพูดถึงจำนวนเที่ยวบินยังไม่กลับมาปกติ ตั้งแต่สถานการณ์โควิด จาก 2,000 เที่ยวบิน เหลือเพียง 1,200 เที่ยวบิน ซึ่งจากนี้ก็จะมีการยกระดับการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศไทยมากยิ่งขึ้น  จึงมั่นใจว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเข้ามาจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะไปท่องเที่ยวประเทศจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถือเป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ


ทั้งนี้ประเทศไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ว่า จะเป็นกลางและให้การสนับสนุน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนจะมาพูดคุยกันในหลายมิติ ต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนการเจรจาระหว่างสองประเทศ  ซึ่งนายหวังอี้ก็ได้ดำริว่า หากจะมีการพูดคุยกับอเมริกาจริง ก็ขอให้เป็นประเทศในเอเชีย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็เลยบอกว่าเลือกประเทศไทย บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และถือว่าเป็นการประชุมในประวัติศาสตร์ครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้ นับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการค้าการลงทุนได้ว่า ได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ เช่น การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี อย่างเดียว ยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะมีขึ้นจากประเทศไทย ไปยังจังหวัดหนองคาย ผ่านประเทศลาว เข้าสู่ประเทศจีน และปัญหาเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่จะให้คณะทำงานของทั้งสองประเทศมาทำงานร่วมกัน รวมไปถึงการค้าขายทางด้านเกษตรกรรม เข่นการค้าโค ที่ประเทศจีนต้องการอย่างมาก แต่ติดปัญหาด้านกักกันเชื้อโรคอยู่ที่ประเทศลาว ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศไม่สะดวก


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่าได้มีการเซ็นสัญญาทางด้านการค้าเกษตรกรรม ระหว่างจีนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยด้วย

-----------------

เมื่อวานนี้  (29 ม.ค.67)  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์  โดยนายกฯ ระบุว่า นายหวังอี้ ได้พูดขึ้นมาเอง ว่าทางการจีนสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ และต้องการข้อมูลเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลจีนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเอกชนจีน ก็สนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วม เพราะเขาทราบดีว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ควรจะมีแลนด์บริดจ์ เนื่องจากการลงทุนที่จะข้ามมาจากประเทศจีนในช่วงหลายปีหลังมา บริษัทใหญ่ๆ ในประเทศจีน มาลงทุนสร้างโรงงานผลิตและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย และไม่ใช่แค่มาสนองตอบความต้องการของไทยเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้เป็นศูนย์กลางการส่งออกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราจึงจะต้องมีท่าเรือน้ำลึก มีโครงการเมกกะโปรเจคอย่างแลนด์บริดจ์ ที่จะมาซับพอร์ต และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็จะเดินทางไปประเทศจีนในเร็วๆนี้ เพื่อจัดทำโรดโชว์
-----------------

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 29 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลัง นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะว่า ได้มีการประชุมชั่วโมงกว่ากับนายหวัง อี้ ซึ่งท่านได้มาตั้งแต่ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกันในหลายมิติ โดยมีการเซ็นสัญญาระหว่าง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรีของทั้งสองประเทศในการเดินทางไปมา เริ่มต้นวันที่ 1 มี.ค. เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นความไว้วางใจซึ่งกันและกันที่ทั้งสองประเทศมีให้กันและมิตรภาพที่มีต่อกันมา ซึ่งจะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ ถือเป็นมิติที่ดีในการที่เราจะสนับสนุนการไปมาหาสู่กันระหว่างสองประเทศ


นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องความสำคัญกับเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างสูง ได้มีการพูดคุยกัน นายหวัง อี้ บอกว่าประเทศจีนมีวัฒนธรรมหลากหลาย อยากให้นักท่องเที่ยวไทยไปด้วย ซึ่งตรงนี้ตนยืนยันว่าเราสนับสนุนการเดินทางไปมาของประชาชนทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังบอกไปด้วยในเรื่องของจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้ามาสู่จำนวนปกติ ซึ่งก่อนโควิด-19 ไม่แน่ใจจำนวนอาจจะประมาณ 2,000 ไฟลต์ ปัจจุบันเหลือแค่ 1,200 ไฟลต์ ก็จะมีการยกระดับการเดินทางสองประเทศเพื่อให้การไปมาหาสู่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และเริ่มมั่นใจว่าอนาคตอันใกล้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงขึ้น ขณะที่ประเทศไทยจะไปท่องเที่ยวประเทศจีนที่มีวัฒนธรรมอันดีงามด้วย จะเป็นผลดีของทั้งสองประเทศ


นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ว่าเราให้การสนับสนุนการเป็นประเทศกลางที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนได้มีการพูดคุยกันในหลายๆ มิติ และต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนให้มีการเจรจาในลักษณะนี้เกิดขึ้น ตอนที่ดำริว่าจะมีการพูดคุยกันก็บอกให้เป็นประเทศในเอเชีย ซึ่งจีนเลยบอกว่าเป็นประเทศไทย นั่นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่เรามีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำให้เขาเลือกประเทศไทย ถือเป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกก็ว่าได้ เป็นที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย


นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ทั้งเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่แค่รถอีวีอย่างเดียว เรื่องการไปมาหาสู่รถไฟความเร็วสูงที่จะมีขึ้นจากประเทศไทยผ่านหนองคาย ผ่านลาว และเข้าประเทศจีน ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าเรื่องการเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าได้มีการพูดคุยกัน โดยให้คณะทำงานของสองประเทศมาทำงานร่วมกันต่อ รวมถึงการค้าขายด้านการเกษตรกรรม ทั้งเรื่องการค้าโค ซึ่งจีนมีความต้องการอย่างมาก แต่ด่านกักกันตรวจเชื้อโรคอยู่ที่ลาวทำให้การค้าระหว่างสองประเทศไม่สะดวก จึงได้ขอร้องอย่าให้มีด่านกักกันและตรวจโรคนี้เกิดขึ้นในไทย ซึ่งประเทศจีนก็รับปากที่จะดำเนินการในเรื่องนี้


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการเซ็นสัญญาด้านเกษตรกรรมระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และทูตจีนด้วย


เมื่อถามว่า คาดว่ามูลค่าทางการค้าจะเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ นายเศรษฐากล่าวว่า คาดเดาไม่ได้จะเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นจากการที่เรามีความสัมพันธ์กันดีมาอย่างยาวนาน และปีหน้าจะครบ 50 ปี ตนได้เรียนเชิญ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนประเทศไทยด้วย


เมื่อถามถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน นายเศรษฐากล่าวว่า มีแผนงานอยู่แล้ว ขอให้แผนงานทั้งหมดออกมาเป็นรายละเอียดแล้วจะแถลงให้ทราบอีกที

-----------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/WgKjOerSICo

คุณอาจสนใจ

Related News