เลือกตั้งและการเมือง

'สส.เท้ง' เผยพิรุธ 'ศรีสุวรรณ-เจ๋ง' ร้อง กมธ. เปิดแชทไลน์แอบอ้างเคลียร์ได้

โดย passamon_a

29 ม.ค. 2567

126 views

สส.เท้ง ณัฐพงษ์ ยันไม่มีใครมีอำนาจคุม กมธ. ติดตามงบฯ หลังนาย จ. อ้างเคลียร์ได้ รับ เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ มาร้องสอบฮั้วงบซื้อเครื่องบินกรมฝนหลวงจริง เผยไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรก เหตุอ้างชื่อ รัฐมนตรีช่วยฯ ตรวจสอบ ปรากฏเจ้าตัวไม่รู้ บอกต้องระมัดระวังขึ้น ไม่อยากเป็นเครื่องมือนักตบทรัพย์คนอื่น ต่อมา สส.เท้ง เปิดแชทไลน์ แอบอ้างเคลียร์ได้


เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมือง ถึงกรณีคลิปเสียงที่นาย จ. คุยกับภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ซึ่งบางช่วงมีการพาดพิงถึง กมธ.ติดตามงบฯ ว่านาย จ. สามารถเคลียร์ไม่ให้เรื่องเข้าสู่ชั้น กมธ.


โดย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธว่ากรณีที่มีการกล่าวอ้างเกินจริงว่า มีอำนาจในการกำกับกรรมาธิการว่าจะดำเนินการตรวจสอบหรือไม่ ตนคิดว่าไม่เป็นความจริง แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือนายศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก มีการยื่นเรื่องต่อ กมธ.จริง เกี่ยวกับการฮั้วประมูลในกรมฝนหลวง ซึ่งอยู่ระหว่างการดูรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเมื่อไหร่ เพราะเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขา กมธ. ที่ลงไปรับเรื่องก็ค่อนข้างดำเนินการด้วยความระมัดระวัง


“เราก็เห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกนะครับ ซึ่งระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ดันเกิดเรื่องก่อน ตามที่เราทราบในหน้าข่าวว่านายศรีสุวรรณถูกบุกเข้าจับกุม เพราะมีการเรียกตบทรัพย์ เราก็เลยเห็นแล้วว่าตกลงเรื่องที่มายื่นผ่าน กมธ. เราเองก็คิดว่าอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่ยังโชคดีที่เราค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องนี้ ไม่ได้ดำเนินการอะไรที่ไม่ถูกต้องไปก่อนหน้านี้”


เมื่อถามว่า หากไม่เกิดเรื่องบุกจับกุมนายศรีสุวรรณ เรื่องร้องเรียนกรมฝนหลวงจะอยู่ในขั้นตอนไหน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยู่ในช่วงระหว่างการศึกษาในรายละเอียด ว่าที่เขายื่นร้องเรียนมาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินกรมฝนหลวงแล้วมีการทุจริต มีมูลหรือไม่มีมูล


ตนต้องเรียนว่าฝั่งนายศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก ก็มีการติดตามมาเรื่อย ๆ ว่าเมื่อไหร่ จะบรรจุเข้า กมธ. มีการติดต่อผ่านทางตนและเจ้าหน้าที่เลขา ในทำนองเร่งรัดเราว่าเมื่อไหร่จะเอาเข้าสักที ซึ่งเราก็ยังตรวจสอบได้ไม่ละเอียดพอ ก็เลยยังไม่ได้บรรจุเข้าระเบียบวาระ


ซึ่งช่วงที่มีการติดตามนั้น เราเห็นข้อสงสัยเพราะนายศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก มีการเอ่ยนามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงท่านหนี่ง ที่ดูแลกำกับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน ว่ารัฐมนตรีช่วยฯ คนนี้ เป็นคนส่งเรื่องมาให้


“เราเองจึงพยายามประสานไปทางหลังบ้าน ซีกฝั่งการเมืองเองว่า ตกลงท่านฝากมาจริงไหม ซึ่งก็เหมือนรัฐมนตรีช่วยฯ ท่านก็ไม่ได้รู้เรื่อง เราก็เลยสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นการพูดเคลมหรือไม่ เราจึงยังไม่ได้ดำเนินการต่อ”


นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องร้องเรียน เราก็ยังดำเนินการตรงไปตรงมา ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบว่ามีมูลขนาดไหน เรื่องร้องเรียนกับตัวผู้ร้องอาจจะต้องแยกออกจากกัน แต่แน่นอนที่สุดพอเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะเราไม่อยากให้ กมธ. ตกเป็นเครื่องมือของคนที่ไปตบทรัพย์คนอื่น


ต่อมา นายณัฐพงษ์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "[ ข้อเท็จจริง และข้อมูลเพิ่มเติม - กรณีที่ผมถูกพาดพิงในคดี ปปป. เข้าจับกุมนักร้อง ฐานเรียกตบทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว ตามที่ปรากฏในหน้าข่าว ]


== ข้อเท็จจริง ==


1) นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กมธ.ติดตามงบฯ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เรื่องการขอให้ตรวจสอบการใช้งบกรมฝนหลวง และการบินเกษตร --ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีเรียกตบทรัพย์จากอธิบดีกรมการข้าว ที่ถูกล่อซื้อ/บุกจับกุม ตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด-- ซึ่งผมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขาฯ ลงไปรับหนังสือร้องเรียนแทนในวันนั้น เนื่องจากติดภารกิจการจัดงานสัมมนาของคณะกรรมาธิการในวันดังกล่าว


2) คณะกรรมาธิการฯ ได้นำเรื่องร้องเรียนเข้าที่ประชุมครั้งที่ 11 วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2566 โดยผมเป็นประธาน ได้แจ้งต่อที่ประชุมและที่ประชุมได้รับทราบถึงหนังสือร้องเรียนตามข้อ (1) แล้ว ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปกติ


3) ปัจจุบัน เรื่องของกรมฝนหลวงตามหนังสือร้องเรียนในข้อ (1) ยังไม่ถูกบรรจุเป็นวาระพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบหามูลเหตุข้อเท็จจริง


== ข้อมูลเพิ่มเติม ==


สาเหตุ: ที่ผมยังไม่บรรจุเรื่องตามข้อ (1) เข้าเป็นวาระการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก็เพราะว่า ก่อนที่จะมีการยื่นหนังสือข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการในวันที่ 20 ธ.ค. 66 นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) ได้โทรศัพท์มาหาผม (ไม่แน่ใจว่าได้เบอร์โทรศัพท์ผมมาจากช่องทางใด) เพื่อแจ้งและขอให้ผมลงไปรับหนังสือเรื่องร้องเรียนตามข้อ (1) ด้วยตนเอง ซึ่งผมได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากติดภารกิจการจัดงานสัมมนาของคณะกรรมาธิการพอดิบพอดี


อย่างไรก็ตาม ได้มีความพยายามอย่างยิ่งจากนายยศวริศ ชูกล่อม ที่ต้องการให้เป็นกรรมาธิการจากพรรคก้าวไกลเท่านั้น ในการเป็นตัวแทนลงไปรับหนังสือร้องเรียนแทนผม กรณีที่ผมไม่ว่าง


ซึ่งระหว่างการสนทนากันทางโทรศัพท์ ที่ผมได้โทรกลับไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 2-3 ครั้ง เพื่อต้องการสอบถามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่มาที่ไปของข้อร้องเรียน เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น นายยศวริศ ชูกล่อมได้มีการอ้างถึง “รัฐมนตรีช่วย” ท่านหนึ่ง ว่าเป็นคนส่งข่าว และส่งข้อมูลนี้มาให้กับเขา เพื่อขอให้ กมธ. ช่วยตรวจสอบ


จากกรณีดังกล่าว ผมได้สอบถามไปยัง สส. ซึ่งเป็นกรรมาธิการคณะนี้ ที่สังกัดพรรคเดียวกับ “รัฐมนตรีช่วย” ที่ถูกอ้างถึง เพื่อขอให้ทวนสอบยืนยันกับรัฐมนตรีช่วยท่านนั้นว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ซึ่งผมยังไม่ได้รับการยืนยันใด ๆ กลับมา (ตั้งแต่วันนั้น จนถึงในปัจจุบัน)

จากรูปการณ์ทั้งหมด ทำให้ผมรู้สึกถึงข้อพิรุธดังต่อไปนี้:


(1) ถ้าเป็นเรื่องที่มาจาก “รัฐมนตรีช่วย” จริง ทำไมไม่ฝาก สส. ในพรรคเดียวกัน ซึ่งนั่งอยู่ในกรรมาธิการชุดนี้ เสนอเรื่องเพื่อบรรจุวาระใน กมธ. ได้เลย ทำไมต้องฝากผ่านผู้ร้องมาร้องแทน


(2) หากพิจารณาในมุมการเมือง ก็อาจเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน จึงไม่สามารถออกหน้าได้ อาจต้องอาศัยพรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลด้วยกันที่อยู่คนละพรรค แต่หากเป็นกรณีนี้จริง เหตุใดผมจึงไม่ได้รับการยืนยันกลับมา จากการทวนสอบข้อมูลหลังบ้าน ผ่าน สส. ร่วมพรรคเดียวกันกับรัฐมนตรีช่วยที่ถูกอ้างถึง


(3) เหตุใด กรณีนี้ถึงค่อนข้างเฉพาะเจาะจง (เรียกได้ว่าถึงขั้นคะยั้นคะยอ) ว่าต้องเป็น สส.พรรคก้าวไกล เท่านั้นลงไปรับหนังสือร้องเรียนแทน


จากข้อพิรุธทั้ง 3 ข้อ ทำให้ผมตัดสินใจยังไม่บรรจุวาระเรื่องร้องเรียนตามข้อ (1) จนกว่าจะสืบหามูลเหตุข้อเท็จจริงให้มีความแน่ชัดเสียก่อน


ข้อมูลทั้งหมด ที่อยู่ในส่วนของข้อมูลเพิ่มเติม เป็นข้อมูลที่ถึงแม้ผมจะไม่ได้บันทึกคลิปเสียงสนทนาไว้เป็นหลักฐาน แต่ผมมีบันทึกโทรศัพท์ (Call Log) ที่สามารถตรวจสอบได้จากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ว่าผมได้โทรติดต่อกลับนายยศวริศ ชูกล่อม เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และได้โทรหา สส. พรรคเดียวกับ “รัฐมนตรีช่วย” ที่ถูกกล่าวอ้างเพื่อทวนสอบข้อมูลจริง และผมยังได้มีการโทรหา สส.ร่วมพรรคและร่วมกรรมาธิการ เพื่อปรึกษาหารือถึงกรณีดังกล่าวในวันที่ 19 ธ.ค. 66 ราว 3-4 ท่านจริง ซึ่งทุกท่านเป็นพยานให้กับผมได้ หากต้องมีการให้การเพิ่มเติมประกอบการดำเนินคดีดังกล่าว


ทั้งนี้ ผมขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อบุคคลที่สามที่ยังไม่ปรากฏบนหน้าข่าวที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ในตอนนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการพาดพิงและสร้างผลกระทบต่อบุคคลเหล่านั้นโดยไม่จำเป็นครับ


== สุดท้าย ==


“ผมขอปฏิเสธ” ถึงข้อกล่าวอ้างใด ๆ ตามภาพในโพสต์ (รูปแชทไลน์) ที่มีการกล่าวอ้างว่าบุคคลผู้นั้นผู้นี้สามารถเคลียร์กับผมได้ สามารถขอให้หยุดการดำเนินเรื่องในคณะกรรมาธิการได้ ฯลฯ


เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ กับคดีการเรียกตบทรัพย์ในครั้งนี้ และขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ที่เจตนาทุจริตอย่างเต็มที่ที่สุด หากมีผู้ใดพยายามใช้คณะกรรมาธิการเป็นเครื่องมือในการเรียกตบทรัพย์ ผมพร้อมให้ความร่วมมือในการเข้าให้การ และให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏครับ"


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qaqp8Q70WcQ

คุณอาจสนใจ

Related News