เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ตอบปม 'ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ' คุยสื่อนอก แค่ความเห็นต่าง - ชี้ 'แลนด์บริดจ์' ต้องฟังทั้ง ปชช.-นักลงทุน

โดย nattachat_c

25 ม.ค. 2567

59 views

วานนี้ (24 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องของท่านที่พูดไป เป็นความเห็นต่าง เป็นธรรมดาของสังคม


เมื่อถามว่า การที่เศรษฐกิจโตตํ่า จึงมีความกังวลจากภาคเอกชนว่าจะเกิดการลดดอกเบี้ย และอยากเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ รัฐบาลคิดเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา และมั่นใจว่า จะมีนโยบายอื่นที่คลอดออกมาด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต


เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับทาง สศค. ในการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพูดคุยกันตลอดเวลา พูดคุยกันทุกเรื่อง ทั้งเรื่องมาตรการกระตุ้นภาษี และอีกหลายอย่าง


เมื่อถามว่า การที่ขณะนี้ นโยบายการเงินการคลังไม่สอดประสานกัน อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีเห็นต่างบ้าง แต่เชื่อว่า สศค. และธนาคารแห่งประเทศไทย มีการคุยกันตลอด ความเห็นต่างเป็นธรรมดาของการอยู่ร่วมกัน ส่วนจะให้เห็นด้วยกันได้หรือไม่นั้น ต้องพูดคุยกัน ทุกคนมีหน้าที่ ตนก็มีหน้าที่หามาตรการกระตุ้นการคลัง


เมื่อถามว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจยังเติบโตได้ช้า และโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่ชัดเจน เกิดความกังวลในภาคเอกชน ที่จะนำไปสู่การลดดอกเบี้ย หรืออยากเห็นความชัดเจนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการลดดอกเบี้ยต้องถามจากธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลคิดอยู่ตลอดเวลา และมั่นใจว่า จะมีนโยบายอื่น ๆ ตามมาด้วย ไม่ใช่แค่ดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว ซึ่งได้มีการพูดคุยกับรมช.คลัง และ ผอ.สศค.ตลอดเวลาในทุก ๆ เรื่อง เช่น มาตรการกระตุ้นทางด้านภาษี และอีกหลายมาตรการ


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงกรณีมีเอกสารลับหลุด ซึ่งประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และ ปี 2567 ของกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่า จีดีพีของไทยในปี 2566 เติบโตเพียง 1.8 เปอร์เซ็นต์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ว่า

ขอให้มีการแถลงอย่างเป็นทางการก่อน ยังไม่ยืนยันข้อมูล แม้ว่าตนจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังการ ตนก็ไม่เคยขอเอกสารอะไรมาดูก่อน ทางด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็มีอิสระในการทำตัวเลขอยู่แล้ว ต้องให้เกียรติทางผู้อำนวยการ สศค.ด้วย

--------------

วานนี้ (24 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ไปกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา "Thailand 2024 The Great Challenge เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส"  โดยช่วงหนึ่ง ระบุว่า


วันนี้ จะขอเน้นที่การขยายโอกาสให้กับคนไทยทุกคน ว่าอีก 4 ปี ข้างหน้าจะเห็นอะไรบ้าง อย่างน้อยได้เริ่มต้นโครงการเพื่อที่จะสานต่อ ส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกหลาน ซึ่งการสร้างโอกาสก็คือการลงทุน  


ไม่อยากให้อีก 20-30 ปี ข้างหน้า มาพูดคำว่า “รู้งี้ เราน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้” อยากให้เอาคำนี้ออกไปจากพจนานุกรม ถ้าเราจะต้องคอยให้ทุกอย่างครบหมดหรือรอบรู้หมด ก็จะต้องมีค่าใช้จ่าย และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้เราเสียโอกาส


ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์เราพอรู้รายละเอียดคร่าวๆ แต่การจะใช้งบลงทุนให้น้อยที่สุด ให้คนอื่นมาลงทุนด้วย เราไม่ใช่แค่ฟังความเห็นของประชาชน แต่ต้องฟังผู้ลงทุนด้วยว่าอยากได้อะไร 


ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องกลั่นกรองว่า สิ่งที่เขาขอมาเป็นบวก หรือลบมากกว่ากับประชาชน เพราะยังไม่รู้ว่าต้องมีส่งท่อน้ำมันหรือไม่ แต่เราก็เปิดกว้างว่า อาจเป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยากให้เขามาลงทุน ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ มีการสร้างโรงงานต่าง ๆ จะได้ดีไซน์ให้ถูก แต่เรื่องนี้ ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 กว่าปี คงจะเสร็จหมด จึงอยากให้มองไปข้างหน้าเหมือนกับสนามบินสุวรรณภูมิ


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ทวีตว่า

"เวลา" คือต้นทุนที่ราคาแพงที่สุด! ขอย้ำนะครับ ถ้าไม่เริ่มต้นวันนี้ ไทยก็จะเสียโอกาสไปครับ

----------------
นายกฯ กล่าวอีกว่า นโยบายหลักของประเทศไทยคือการท่องเที่ยว ซึ่งมีหลายมิติที่เกี่ยวข้อง อะไรทำได้ทำก่อน หรือควิกวิน อย่างนโยบายวีซ่าฟรี ก็เริ่มไปที่หลายประเทศ  


ซึ่งช่วงเย็นวานนี้ (24 ม.ค. 67) ก็มีรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนมาพูดคุย ก่อนที่วันศุกร์ที่ 26 ม.ค. น่าจะมีการลงนามกันได้ให้เป็นการถาวร วีซ่าฟรีทั้ง 2 ประเทศ ก็ถือว่ายกระดับพาสปอร์ตไทยขึ้นมาอีกระดับ นอกจากนี้ตนได้เจอประธานอียู กับนายกฯ เบลเยี่ยม แล้วก็มีการพูดถึงวีซ่าเชงเก้งด้วย อยากให้เข้าออกฟรีได้เช่นกัน

----------------

เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม) เปิดเผยกรณีระบบส่วนกลางของ สตม.ล่มตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (24 ม.ค.) โดยเฉพาะระบบการตรวจคนเข้าและออกประเทศ ไม่สามารถดำเนินการได้ มีการแก้ไขและดำเนินการอย่างไรบ้าง ว่า ระบบได้ล่มตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทที่ดูแลระบบได้มีการปิดระบบตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไข อัพเดทระบบ ปรากฏว่าการเข้าไปแก้ไขอัพเดทระบบทำให้ กระทบกับระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ของสตม. จึงทำให้ระบบหน่วงและช้า แต่จนถึงตอนนี้ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แก้ปัญหาโดยการใช้ระบบออฟไลน์ (off-line) โดยไม่พึ่งระบบคอมพิวเตอร์ โดยเราใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูว่า ถ้าเข้ามาถูกต้อง ดูพาสปอร์ตถูกต้อง คนถูกต้อง มันอาจจะช้า เพราะก่อนหน้านี้เราใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบ ย้ำว่าตอนนี้เริ่มระบายคนเข้าและออกให้เร็วขึ้นแล้ว ทั้งนี้ ได้แก้ไขระบบแล้ว โดยเฉพาะที่สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ แต่ขณะนี้สนามบินหาดใหญ่ ระบบเริ่มใช้ได้แล้วตั้งแต่เวลา 09.00 น. แต่ที่สนามบินสุวรรณภูมิระบบยังหน่วงอยู่บ้าง และช้าอยู่บ้าง


"ปัญหาอาจจะเกิดจากเส้นหรีดไลน์ระบบที่จะเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ เรากำลังเช็คอยู่ แต่ที่สนามบินภูเก็ตและสนามบินเชียงใหม่ไม่มีปัญหา ตอนนี้เราใช้ระบบ Manual เร่งระบายผู้โดยสารให้เร็วมากยิ่งขึ้น ในวันที่ 25 ม.ค. จะเรียกเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องมาประชุม โดยจะสอบถามว่าปัญหาคืออะไร แต่ปัญหาดังกล่าวจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก โดยผมจะเน้นย้ำในเรื่องนี้" พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าว

----------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2xSvaUhDAkw


คุณอาจสนใจ

Related News