เลือกตั้งและการเมือง

ย้อนไทม์ไลน์ คดีหุ้นไอทีวี 'พิธา' โค้งสุดท้าย ก่อนศาลรธน.นัดชี้ชะตาพรุ่งนี้

โดย chiwatthanai_t

23 ม.ค. 2567

61 views

วันพรุ่งนี้เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย คดีหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ 8 เดือนหลังจากมีการยื่นคำร้องต่อ กกต. นายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์ข่าว 3 มิติ ไว้ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าชี้แจงเต็มที่แล้วและไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ยังไม่ยุติการทำงานทางการเมือง


เป็นเวลากว่า 8 เดือน นับจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ให้พิจารณาว่าสมาชิกภาพการเป็น สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่จากการถือหุ้นบริษัทไอทีวี ซึ่งประกอบกิจการสื่อสารมวลชนในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง



กกต.ใช้เวลา 2 เดือนส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และวันที่ 19 ก.ค. 2566 ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องตามที่ กกต.เสนอ และมีคำสั่งให้นายพิธา ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย


คดีหุ้นไอทีวี เป็นที่สนใจของสังคม หลังนายพิธาและพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้ง ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และกำลังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังผลเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 นายพิธา แถลงเป็นครั้งแรกว่ากำลังมีขบวนการฟื้นคืนชีพไอทีวี และยืนยันจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม


ประเด็นที่ว่า ไอทีวี ประกอบกิจการสื่อในวันที่นายพิธา ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ กลายเป็นข้อสงสัยของสังคมและสื่อมวลชน ข่าว 3 มิติ


วันที่ 11 มิ.ย.2566 ข่าว 3 มิติ เปิดเผยคลิปบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี ประจำปี 2566 ไม่ตรงกับเอกสารบันทึกการประชุม ว่าไอทีวียังคงประกอบกิจการสื่อ หรือยังรอคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด จึงจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด


กระทั่ง 20 ธันวาคม 2566 นายพิธา ได้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าถือหุ้นแทนน้องชายในฐานะผู้จัดการมรดกที่ได้สละเจตนาไปตั้งแต่ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.พรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 และแสดงหลักฐานว่าทำไม ไอทีวี จึงไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว ตั้งแต่ปี 2550 การไม่มีคลื่นความถี่ และไม่มีรายได้ แต่มีเพียงดอกเบี้ย เมื่อเปรียบเทียบกับคำวินิจฉัยของศาลในคดีหุ้นสื่ออื่นๆ ก็เชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรม และการถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดกก็มีหลักฐานยืนยันว่าได้สละเจตนาไปตั้งแต่ปี 2561 และได้ทำการปันทรัพย์ให้น้องชาย เมื่อ 24 มิถุนายน 2562 และจำนวนหุ้นเพียง 42,000 หุ้นก็เป็นส่วนน้อย ที่ไม่ได้มีอิทธิพลหรือแสวงหาประโยชน์ใดๆได้


นายพิธา ยอมรับว่า คดีหุ้นไอทีวี เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองสำคัญ จนนำมาซึ่งคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ชั่วคราว และคาดหวังว่าในที่สุดจะได้รับความยุติธรรม ตามที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปทั้งหมด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่หยุดทำงานการเมือง เท่าที่ยังมีประโยชน์


สำหรับวันพรุ่งนี้หากศาลวินิจฉัยว่า นายพิธา ไม่มีความผิด ก็จะยังมีคุณสมบัติการเป็น ส.ส.กลับเข้าสภาผู้แทนราษฎร ได้ แต่ถ้าศาลเห็นว่า ไอทีวี ยังประกอบกิจการสื่อ และนายพิธา ถือหุ้นจริง นายพิธา สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.

คุณอาจสนใจ

Related News