อาชญากรรม

กสม. เตรียมร้องสอบ จนท. คดี 'ฆ่าป้าบัวผัน' ชี้ปฏิบัติหน้าที่ ขัดหลักสิทธิมนุษยชน

โดย nut_p

20 ม.ค. 2567

75 views

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันคดีเด็กและเยาวชน ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกายและฆ่านางสาวบัวผัน ตันสุ หรือ กบ ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในส่วนที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องจบภายในวันนี้ ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่ข้อมูลที่ระบุว่ากรณีนี้ การดำเนินการของ



เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิ ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องหาหรือจำเลย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหลายประการ


พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันวันนี้ว่าคดีฆ่านางสาวบัวผัน ตันสุ หรือ กบ ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ชุดคณะทำงานสืบสวนสอบสวนจะคลี่คลายให้จบภายในวันนี้ ซึ่งได้สั่งการให้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตรงไปตรงมา


เพราะมี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือแม้แต่ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ เป็นตัวบังคับ ซึ่งตำรวจก็ถูกตรวจสอบแบบรอบด้าน และเทคนิคนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดจะเป็นตัวชี้วัดว่า ตำรวจผิดไม่ผิด หากผิดก็ว่าไปตามผิด



ทั้งนี้ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย ที่ตนลงพื้นที่ไปเองและทุกอย่างจะจบหมด ยืนยันไม่มีเรื่องอิทธิพล ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา วันนี้น่าจะจบในเรื่องของตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่าจับแพะ ส่วนคดีที่ตำรวจไปสืบสวนมาต่อก็ต้องดำเนินคดีทุกอย่างให้ชัดเจน



ส่วนการแก้กฎหมาย ลดอายุเยาวชนที่กระทำผิด ตอนนี้ให้ทีมงานไปศึกษาข้อมูลแล้ว และจะสรุปมาให้ตนภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งตนจะนำข้อมูลนำเรียนนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป



ขณะที่พลตำรวจโท สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีคลิปเสียงนายเปี๊ยก สามีนางสาวบัวผัน เปิดเผยว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ ทั้งถอดเสื้อในห้องแอร์ และ เอาถุงดำคลุมหัวนั้น



ล่าสุด คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าผลการสอบสวน มีตำรวจ สภ.อรัญประเทศ 2 นาย กระทำผิดจริง ซึ่งเป็นการกระทำผิดวินัยตำรวจ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และ ตำรวจ 1 ใน 2 นายนี้ กระทำผิดคดีอาญา ตามมาตรา 157 คือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ



แต่ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ



หลังจากนี้ตำรวจภูธรภาค 2 จะส่งสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รวบรวบพยานหลักฐานเพิ่มเติม และหากพบว่ามีการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือความผิดอื่น ๆ ก็จะดำเนินคดีกับตำรวจนายนั้น อย่างเด็ดขาด



ขณะที่จนถึงขณะนี้ มีตำรวจที่ถูกย้ายไปช่วยราชการในคดีนางสาวบัวผัน แล้วจำนวน 5 นาย โดยเป็นตำรวจ สภ.อรัญประเทศ 4 นาย ประกอบด้วย



1. ร้อยตำรวจตรีวิฑูรย์ นาคเงิน รองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุซึ่งอายุ 14 ปี

2. พันตำรวจเอกพิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ. อรัญประเทศ

3. พันตำรวจโทพิชิต วัฒโน รองผู้กำกับสืบสวน สภ.อรัญประเทศ

4. ดาบตำรวจ ภิเศก พวงมาลีประดับ

5. ดาบตำรวจ สังกัด ตม.จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุซึ่งอายุ 13 ปี



ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่ข้อความ กรณีนางสาวบัวผันถูกเด็กและเยาวชน 5 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและฆ่านางสาวบัวผัน ตันสุ แล้วนำศพไปทิ้งบ่อน้ำเพื่ออำพรางคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องหาหรือจำเลย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหลายประการ เช่น รัฐธรรมนูญ มาตรา 4 เรื่อง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ มาตรา 27 ระบุว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ



ส่วนการนำนายเปี๊ยกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็ขัดกับหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 29



โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อ นำคนผิดมาลงโทษ และเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาด้านร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้เสียหายตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News