เป็นหนึ่ง บุกช่วย ด.ช.7ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย แต่ไม่พบตัว แม่แท้ๆอ้างส่งลูกไปอยู่กับญาติแล้ว

วันที่19 ม.ค.2567 เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็น พร้อมตำรวจสภ.ไทรน้อย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ด.ช.วัย 7 ขวบ คนหนึ่ง หลังเพื่อนของแม่ ด.ช.ส่งคลิปขอให้เพจเป็นหนึ่งช่วยเหลือ หลังถูกพ่อเลี้ยงใช้ประแจตีหัวจนหัวแตกเลือดอาบหน้า และคนเป็นแม่ถ่ายคลิปไว้แต่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ โดยเหตุเกิดที่จ.สุราษฎร์ธานี

ซึ่งเพื่อนร่วมงานแม่เด็กเล่าว่า น้องชอบให้อุ้มและก็พูดเสมอว่า “หนูไม่อยากขึ้นไปบนรถ พ่อชอบทำร้านหนู พอแม่ได้ยินลูกพูดแบบนี้ก็มักจะแก้ตัวว่าพ่อไม่เคยทำ ซึ่งเพื่อนร่วมงานเห็นเป็นประจำ พ่อและแม่มีอาชีพขับรถบรรทุกส่งของจากใต้เข้ามาในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ซึ่งก่อนหน้านี้น้องเคยอยู่โรงเรียนประจำ แต่แม่ก็พาน้องออกมา น้องต้องเดินทางตัวติดแม่ไปทุกที่ ไม่ได้เรียนหนังสือเลย โดยทราบว่ารถของพ่อเลี้ยงได้เข้ามาส่งของอยู่ในพื้นที่อ.ไทรน้อย จึงเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่พบพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆ ด.ช.ที่ถูกทำร้ายกับ ด.ญ.ซึ่งเป็นน้องสาว แค่ 3 คน ในรถ แต่ไม่พบด.ช.ที่ถูกทำร้าย จึงเชิญตัวทั้งหมดมาสอบถามที่สภ.ไทรน้อย เบื้องต้นทราบว่าพ่อเลี้ยงกับแม่บอกว่าได้ส่งลูกชายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ไม่ได้พามาส่งของด้วยในวันนี้

นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง กล่าวว่า พอดีว่ามีทางเพื่อนร่วมงานกับทางแม่ของน้องเบียร์แจ้งมาที่เพจเป็นหนึ่ง ซึ่งครอบครัวของน้องอยู่กันที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งเขาขับรถรับจ้างส่งของจากใต้ มาส่ง จ.อยุธยา จ.นนทบุรี และในกทม.บ้าง ซึ่งวันนี้เราได้เช็กพิกัดเขามาส่งของที่จ.นนทบุรีพอดี และก็ขอบคุณทางบริษัทที่ประสานงานจากต้นทางและปลายทางให้กับทางเราทั้งหมด ซึ่งเขามีการทารุณลูกเลี้ยงโดยการใช้ประแจตีหัวน้องจนเลือดอาบ

นางชลิดา กล่าวว่า เวลากลางคืนถ้าน้องไม่ง่วงพ่อเลี้ยงก็จะให้ลูกเลี้ยงยื่นตัวออกไปตรงหน้าต่างและขับรถเร็วๆเพื่อให้เด็กหลับ ซึ่งอันตรายต่อเด็กมากๆยังมีการเอาเข็มจี้เอาไฟแช็กลนเท้ามีภาพให้เห็นชัดเจน เพราะผู้เป็นแม่ถ่ายรูปอัดคลิปไว้ตลอดแต่ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งทางเราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมไม่ปกป้องลูกเลย ทำไมไม่แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งเรื่องนี้เกิดมาตลอดและยังทราบว่าก่อนหน้านี้น้องได้เรียนหนังสือเราก็ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนก็พากันไปทำงานทั้งครอบครัวแบบนี้ ตอนนี้ทางเราได้ติดต่อบ้านพักเด็กจ.นนทบุรี เพื่อให้มาพาตัวน้องออกไปเลย เพราะสภาพความเป็นอยู่ที่เราเห็นก็คือคนเป็นแม่ปกป้องลูกไม่ได้ อันตรายต่อชีวิตแน่นอน และน้องไม่ร้องเลย คาดว่าน่าจะถูกกระทำมาบ่อย จนเขาเคยพูดกับเพื่อนแม่ว่า "หนูไม่อยากกลับขึ้นรถนั้นอีก พ่อกระทืบหนู" ซึ่งเราฟังแล้วหดหู่

พราะฉะนั้นยังไงวันนี้ก็ต้องเอาเด็กออกมา ตอนนี้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเยอะมาก คุณรักแม่เขาคุณก็ต้องรักลูกเขาด้วย ไม่ใช่ว่าคุณรักแต่ผู้หญิงและคุณมีลูกใหม่คุณก็รักแต่ลูกใหม่คุณ แล้วเด็กคนนี้เขาทำผิดอะไร คุณถึงมาลงใส่เขาเด็กแค่ 5-6 ขวบ แล้วถ้ากลับกันวันนี้เราลองเอาประแจฟาดหัวคุณดู คุณจะรู้สึกยังไงเลือดอาบหน้าขนาดนั้น

ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ พ่อเลี้ยง กล่าวว่า ที่ตนตีน้องเพราะว่าตนโมโห ที่น้องชอบเอาเบรกมือรถลงทำให้รถไหลกลัวจะเกิดอันตราย จึงโมโหเอาประแจฟาดเหวี่ยงไปที่หัวน้อง ตอนนั้นตนก็ตกใจที่เห็นเลือดที่ศีรษะน้องออกเลยรีบให้แฟนไปซื้อยา ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปเพราะน้องชอบเอาเบรกมือลงแล้วรถไหลไปชนกับท้ายรถคันอื่นเป็นแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว ตนก็เสียเงินมาแล้วที่ละ 40,000-50,000 บาท

นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าตนชอบทำร้ายน้องไม่จริงแต่อย่างใด ส่วนที่มีคลิปเอาหัวน้องออกไปนอกหน้าต่างรถ ตอนนั้นรถจอดอยู่แม่น้องเขาจะถ่ายรูปน้องก็เลยยื่นหัวออกไปถ่าย ซึ่งตนรักลูกเท่ากันทั้ง2คน ตอนแรกน้องไม่ได้อยู่กับตน ตนพาไปโรงเรียนด้วยความที่โรงเรียนมีปัญหาในหลายๆครั้งตนเลยพาลูกออกมาไม่ให้เรียนต่อ ตนก็เคยถามแฟนว่าจะกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ไหม แต่เขาไม่อยู่จะมากับตน ส่วนลูกสาวตนก็ตีเวลาสอนก็มีบ้าง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์เอาปะแจตีหัวน้อง ตนก็ขอโทษน้องว่าตนจะไม่ทำอีกทุกวันนี้ก็สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำกับน้อง