สังคม

“อนุทิน” ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตโรงงานพลุ ผบ.ตร.สั่งเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ ยืนยันตัวตนแล้ว 8 ราย

โดย paranee_s

18 ม.ค. 2567

54 views

ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาที่วัดโรงช้าง ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิดจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และ ญาติผู้ เสียชีวิต โดยมีนายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี รอรับ


พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้เดินทางมาที่วัดโรงช้าง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมกับได้มาเยี่ยมให้กำลังใจ กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 23 ราย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวที่เสียชีวิต เพื่อเตรียมหาแนวทางเยียวยาให้ความช่วยเหลือ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตพร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจ และรับปากกับเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดจะหาทุนการศึกษาให้เรียนจนจบระดับปริญญาตรี


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับให้ทำงานให้ละเอียดรอบคอบเพราะสภาพศพค่อนข้างจะพิสูจน์ยาก ถ้าเรายิ่งเสียเวลามากเท่าไหร่ การสลายของศพมันก็มี เพราะศพโดนแรงอัด โดนไฟไหม้สภาพศพก็แย่อยู่แล้ว ถ้าเราช้าเท่าไหร่ด้วยอุณหภูมิก็จะทำให้สภาพศพเสื่อมสลายไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้การพิสูจน์อัตลักษณ์ยากขึ้น


ตอนนี้เรากำลังเร่ง และถ้าเราเกิดไปเร่งมาก ยังไม่รู้ว่ามีวัตถุระเบิด หรือเชื้อปะทุอะไรที่ยังอยู่ในพื้นที่หรือเปล่า เพราะการเข้าเคลียร์พื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งไม่ใช่เคลียร์แต่ศพอย่างเดียว การรักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้มากที่สุดเพื่อจะได้เข้าไปเก็บวัตถุพยาน และตรวจดูสาเหตุของการเกิดเหตุในคราวนี้ ดังนั้นการรักษาพยานวัตถุในที่เกิดเหตุก็สำคัญ ทุกอย่างต้องทำด้วยความรอบคอบ


การเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุในเรื่องระเบิดมันไม่เหมือนอย่างอื่น มันต้องละเอียดมาก ๆ เราไม่มีผู้รอดชีวิตจากในที่เกิดเหตุมาเลย จึงไม่มีประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุมาบอกเราเลย ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรจะ ต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์อย่างเดียวในการที่จะรู้ถึงสาเหตุให้ได้


ซึ่งตอนนี้เราจะต้องเร่งดูแลเรื่องของการพิสูจน์ตัวบุคคลให้ได้ก่อน ตอนนี้เราได้เชิญญาติเข้ามาเพื่อเก็บดีเอ็นเอได้ทั้งหมด 22 คน ซึ่งญาติของคนที่ 23 กำลังเดินทางมาเพื่อจะเก็บดีเอ็นเอของญาติไป เทียบพิสูจน์อัตลักษณ์ตอนนี้ เราติดต่อได้หมดแล้ว


ตอนนี้ร่างที่ 23 เรายังไม่เจอ เราเจอแล้วทั้งหมด 22 ร่างที่สอบถามมายังไม่เจอเพราะเรายังเคลียร์พื้นที่ไม่หมดซึ่งตอนนี้ทางมูลนิธิอยู่ในพื้นที่จะเร่งเคลียร์ศพให้หมดก่อน ถึงจะเอาชุดตรวจพิสูจน์ของ พฐ.เข้าไป พร้อมกับชุด EOD


โดยโรงงานนี้ทางปกครองกับตำรวจมาตรวจบ่อย ยังโชคดีมากที่มีเคสที่เคยเกิดมาแล้ว และโรงงานนี้ก็ออกมาอยู่ตรงนอกพื้นที่ชุมชนรัศมีแรงระเบิดถึงเกือบ 5 กิโลเมตร ถ้าอยู่ในชุมชนมันจะร้ายแรงกว่านี้มาก


ซึ่งเราได้นั่งคุยกับฝ่ายปกครอง อาจจะต้องมีเอาโรงงานประเภทนี้ออกมาอยู่นอกชุมชน เพราะโอกาสแบบนี้มันเกิดได้ตลอด เมื่อมันเป็นอันตรายและมีการสูญเสียเยอะจะต้องมาคุยกันไหมว่าให้โรงงานประเภทนี้ออกไปอยู่นอกชุมชน พอคุยกันเสร็จปรากฏว่าถ้าโรงงานไปอยู่ข้างนอก เดี๋ยวชุมชนก็จะตามโรงงานไปอีก จะต้องมีการกำหนดโซนนิ่งเลยไหมว่าในรัศมี 5 กิโลเมตรจะต้องไม่มีชุมชน ไม่ใช่ว่าพอวัวหายแล้วล้อมคอก


ซึ่งเหตุการณ์นี้มันก็ลดการสูญเสียไปได้เยอะ เพราะไม่มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนได้รับผลกระทบ จะเป็นแค่คนงานในโรงงานจริง ๆ ที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่าถ้าโรงงานประเภทนี้อยู่นอกชุมชนก็จะลดการสูญเสียไปได้เยอะ


ส่วนในเรื่องของคดีเราต้องดูในเรื่องของใบอนุญาต ปริมาณของการเก็บ เดี๋ยวจะต้องไปไล่อีกที เพราะเหลือเจ้าของคนเดียว เดี๋ยวพนักงานสอบสวนต้องไล่สอบ ตอนนี้เราก็จะเอาในเรื่องของผู้เสียหายก่อน ส่วนในเรื่องของตัวสามีที่เป็นเจ้าของที่ ไม่อยู่ในวันนั้น ก็ต้องมาให้การ


แต่ใบอนุญาตมีถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ก็ต้องมาดูในส่วนที่จัดเก็บวัตถุระเบิดเกินปริมาณหรือเปล่า เราก็ไม่รู้เพราะว่ามันระเบิดไปแล้ว ถึงได้บอกว่าเดี๋ยวเรารอให้ชุด EOD ไปตรวจพิสูจน์ว่า แรงระเบิดขนาดนี้ มีปริมาณของดินระเบิดเยอะขนาดไหน เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดไว้หรือเปล่า อันนี้ก็ว่ากันไป


ในเรื่องคดีนี้ เต็มที่อยู่แล้วทางผู้บัญชาการภาคก็ลงมาดูเอง ทางผู้ว่าฯก็ให้การดูแล


พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.ศพฐ.7 เปิดเผยว่า ในโรงงานจุดที่เกิดการระเบิดจุดแรก เป็นจุดที่บรรจุดินปืน โดยคนงานส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตรงนั้น จากการตรวจสอบพบหลุมเล็ก ๆ จำนวนมากในบริเวณนั้น และตรวจสอบฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นโรงผสมดินปืน พบหลุมขนาดใหญ่กว้าง 5.3 เมตร X 5.0 เมตร และลึก 1 เมตร คาดว่าประกายไฟจากการระเบิดในจุดแรกได้รุกรามไปยังโรงผสมดินปืน จึงทำให้เกิดการระเบิดลูกที่ใหญ่ขึ้นตรงบริเวณนั้น คาดว่าจุดโรงผสมดิน น่าจะมีดินปืนจำนวนมากอยู่ตรงนั้น จึงส่งผลให้เกิดความเสียหายทำให้ทั้งโรงงานพังเสียหายทั้งหลัง


ส่วนสาเหตุของการระเบิดนั้น โดยหลักการแล้ว การระเบิดจะเกิดขึ้นได้ต้องจากสาเหตุ 2 อย่าง คืออย่างแรกเกิดจากการเสียดสี และอย่างที่สองเกิดจากประกายไฟ


ส่วนในการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต สามารถให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ 8 ราย ส่วนที่เหลือทางเข้าหน้าที่จะเร่งทำการพิสูจน์ และ บางร่างหากไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วมือได้ ก็จะต้องตรวจสอบ DNA ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ตอนนี้พิสูจน์ลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิตได้ 19 รายแล้ว เจ้าหน้าที่เริ่มจำหน่ายศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศล


ช่วงเย็นที่ศาลาวัดโรงช้าง ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิดจังหวัดสุพรรณบุรี ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มทยอย มอบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่ตรวจอัตลักษณ์บุคคลเสร็จแล้วและสามารถระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตได้แล้วว่าเป็นใคร มอบให้ญาติ ที่มารอรับศพ นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา


ซึ่งในวันนี้สามารถ ตรวจสอบระบุตัวตนผู้เสียชีวิตได้แล้ว 8 ราย คือ 1.นายสมควร แจ้งวิธี ไว้ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว 2.นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์ ไว้ที่วัดลาดกระจับ ต.ศาลาขาว 3.นางพเยาว์ บุญกล่อม ไว้ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว 4.นายรุ่งโรจน์ อุ่นน้อย ไว้ที่วัดพระธาตุ (สวนแตง) ต.ศาลาขาว 5.นายโสพล สวยค้าข้าว ไว้ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว 6.นายวิชาญ บุญศรีวงษ์ ไว้ที่วัดขวาง ต.ศาลาขาว 7.นางรำไพ สวยค้าข้าว ไว้ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว 8.นางสาวน้ำฝน เกิดนอก ไว้ที่วัดโป่งไหมวนาราม อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี


ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทยอยมอบร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 8 คน ที่ตรวจสอบเสร็จแล้วให้นำไปไว้ที่วัดและจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชุดเยียวยาจิตใต ตามประกบญาติทุกศพเพื่อคอยดู ส่วนร่างที่เหลืออีก 15 ศพ คาดว่าจะตรวจสอบและส่งมอบให้ญาติได้หมดภายในวันพรุ่งนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ