อาชญากรรม

แอมเนสตี้ ชี้ตำรวจไม่มีสิทธิคลุมถุงดำ “ลุงเปี๊ยก” ขณะสอบปากคำ ต้องอัดคลิปสอบปากคำทุกครั้ง

โดย paranee_s

18 ม.ค. 2567

77 views

วันนี้ (18 ม.ค.) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย เผยแพร่บทความที่ได้พูดคุยกับ นายสมชาย หอมลออ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เกี่ยวกับคดีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการคุลมถุง นายปัญญา หรือ “ลุงเปี๊ยก” ผู้ต้องสงสัยคดีการเสียชีวิต น.ส.บัวผัน หรือ “ป้ากบ” ตามที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้


โดยกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เผยว่าตำรวจไม่มีอำนาจคลุมถุงดำ ขณะสอบปากคำ นายปัญญา หรือ “ลุงเปี๊ยก” ผู้ต้องสงสัยคดีการเสียชีวิต น.ส.บัวผัน หรือ “ป้ากบ” ชี้ ผิดกฎหมายทรมาน-อุ้มหาย ม.6 อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำ โหดร้ายไร้มนุษยธรรม-ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิด ม.157 และขณะควบคุมตัวต้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวเป็นหลักฐานยืนยันความโปร่งใสขณะจับกุม ย้ำตำรวจไทยต้องไม่ลืมปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามทรมานอุ้มหาย


จากคดีการเสียชีวิตของนางสาวบัวผัน หรือ “ป้ากบ” ที่พบเยาวชนในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวะสระแก้ว ตกเป็นผู้ต้องหาเพราะร่วมกันก่อเหตุ ยังเป็นคดีฆาตกรรมที่สังคมให้ความสนใจ เพราะก่อนหน้านี้มีผู้ต้องสงสัยคือ นายเปี๊ยก เพื่อนชายคนสนิทของนางสาวบัวผัน ผู้เสียชีวิต ออกมาให้ปากคำกับตำรวจและทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามพื้นที่ต่างๆ จนล่าสุดมีการตั้งข้อสงสัยถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ดูแลคดีความว่าโปร่งใสและผิดกฎหมายมาตราใดบ้างในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย


ภายหลังจากที่มีการออกมาอ้างว่าขณะควบคุมตัวนายเปี๊ยก ตำรวจไม่มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวระหว่างการจับกุม ด้วยกล้อง Boday Cam ตามมาตรา 22 ในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย” โดยอ้างว่าเป็นการเชิญตัวและผู้ต้องสงสัยยินดีที่จะมอบตัว รวมถึงมีคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีความคุยกันว่า มีการนำถุงดำคลุมหัว นายเปี๊ยก ในห้องสอบปากคำ โดยคุยกันในลักษณะที่ว่าเป็นการทำเล่นๆ ไม่ได้มัดหรือทำให้หายใจไม่สะดวก


นายสมชาย เผยว่า การเชิญตัวหรือให้มอบตัวใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย ในคดีการเสียชีวิตของนางสาวบัวผัน หากตำรวจไม่บันทึกภาพและเสียงด้วยภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้อง Body Cam ขณะควบคุมตัว โดยอ้างว่าเป็นการเชิญตัวมาสอบ และมอบตัวเอง ผู้บังคับบัญชาต้องสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสอบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะลุงเปี๊ยก ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางสาวบัวผัน ว่าเขารู้สึกอย่างไรหรือเข้าใจอย่างไรตอนนั้น ตำรวจมีพฤติกรรมอย่างไร


ถ้าเขาเข้าใจว่าตำรวจเข้ามาควบคุมตัว ถ้าตัวเองไม่ไปก็ไม่ได้ น่าจะถือว่าเป็นการจับกุม เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาต้องสอบสวนให้ชัด มันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าเป็นการคุกคามต่อสวัสดิภาพหรือเสรีภาพของประชาชน ถ้าปล่อยให้ตำรวจอ้างตลอดเวลาว่าเชิญตัว พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย จะไม่มีผลบังคับใช้


และหากเรื่องที่ตำรวจใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องสงสัยเป็นเรื่องจริง ถือเป็นการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐโดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 6 ความผิดฐาน กระทำการที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


ทั้งยังอยากถามว่าลุงเปี๊ยกเป็นเพื่อนเล่นของตำรวจหรือยังไง ถึงเล่นกันโดยการนำถุงดำมาคลุมหัว ถ้าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ โดยพฤติกรรมถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย อีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในสภาพผู้ต้องสงสัยว่าจะกระทำความผิด แล้วตำรวจกำลังสอบปากคำ เอาถุงดำมาคลุม ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และประเด็นน่าจะถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่มีลักษณะโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะว่าคนที่ถูกถุงดำคลุมขณะอยู่ในภาวะเช่นนั้น ต้องมีความรู้สึกตกใจอย่างมากจนแทบสิ้นสติ น่ามีความรู้สึก หวาดกลัวอย่างสุดขีด


ส่วนที่อ้างว่า ตำรวจถอดเสื้อลุงเปี๊ยก ผู้ต้องสงสัยระหว่างอยู่ในห้องสอบปากคำให้อยู่ในที่แอร์เย็น ถือเป็นการทรมานหรือไม่ นายสมชาย เผยว่าในส่วนนี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีเช่นกัน โดยอาจไม่ถึงขั้นทรมาน


ตำรวจคือเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย เป็นผู้ที่รักษากฎหมายและมีอำนาจตามกฎหมาย มีหน้าที่ในการเคารพปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน หากมีพฤติกรรมแบบที่ปรากฏเป็นข่าวจริง คือการทำความผิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและระดับสากล รวมถึงเป็นการกระทำที่ชี้ชัดว่าผิดกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานอุ้มหาย เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งในทางวินัยและในทางอาญา

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ