เลือกตั้งและการเมือง

ศาลรัฐธรรมนุูญ ฟัน "ศักดิ์สยาม" ปมซุกหุ้น สั่งห้ามนั่ง รมต. 2 ปี-ไม่ตัดสิทธิทางการเมือง

โดย paranee_s

17 ม.ค. 2567

277 views

วันนี้ (17 ม.ค.) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ สส.ฝ่ายค้าน จำนวน 54 คน ของสภาชุดที่แล้ว ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ประยุทธ์เมื่อปี 2565 โดยขอให้ส่งเรื่อง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขณะนั้นยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชัน หรือไม่ ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


คดีนี้ นายศักดิ์สยาม ขายหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชัน ให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ซึ่งเป็นลูกจ้าง บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ จำกัด เป็นอีก บริษัทที่ นายศักดิ์สยามเป็นกรรมการบริษัท


โดยขายหุ้นให้ นายศุภวัฒน์ 119.5 ล้านบาท เมื่อปี 2560- 2561 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยนายศุภวัฒน์ ชำระค่าหุ้น 3 งวด เข้าบัญชี นายศักดิ์สยาม ทั้งที่ไม่น่าจะมีรายได้เพียงพอที่จะซื้อหุ้นได้ แต่นายศุภวัฒน์ ชี้แจงว่า เงิน 119.5 ล้าน ที่นำมาชำระหุ้นให้ นายศักดิ์สยาม มาจากการขายกองทุนธนาคาร


จากการตรวจสอบเงินที่ นายศุภวัฒน์ เอาไปซื้อกองทุน ก็พบว่าเป็นเงินที่ มาจากบริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ จำกัด ซึ่ง มีนายศักดิ์สยาม เป็นกรรมการบริษัท ซึ่งเงินก่อนนี้ บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ ก็ได้รับมาจาก นายศักดิ์สยาม ที่อ้างว่าโอนให้ บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ เพื่อชำระเงินกู้ยืม


คดีนี้มีพิรุธหลายประการ ที่เป็นนิติกรรมอำพราง เช่น ขายหุ้นแล้ว แต่ยังคงใช้ที่อยู่ของนายศักดิ์สยาม เป็นที่ตั้งบริษัท เพิ่มมาแจ้งย้ายที่ตั้ง ก่อนที่นายศักดิ์สยาม รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม เพียง 23 วัน และ มีประเด็นที่ นายศักดิ์สยาม ยอมรับว่า ตั้งใจโอนหุ้น เพื่อเตรียมตัวลงเลือกตั้ง แสดงให้เห็นเจตนามาตั้งแต่ต้น


จากพิรุธหลายประการ ศาลรัฐธรรมนูญแล้วฟังได้ว่า นายศักดิ์สยาม และนายศุภวัฒน์ ตกลงนำเงินของนายศักดิ์สยามเอง ทำธุรกรรมต่างๆ ในนามนายศุภวัฒน์ มีการนำเงินไปซื้อกองทุนในนามนายศุภวัฒน์ แล้วขายกองทุน นำเงินมาชำระค่าหุ้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้กับนายศักดิ์สยาม


ดังนั้นเงินจำนวน 119.5 ล้านบาท ก็ยังเป็นนายศักดิ์สยาม มาตั้งแต่ต้น นายศักดิ์สยามจึงยังคงไว้ ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นใน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชัน โดยมีนายศุภวัฒน์ เป็นผู้ครอบครองหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชันและ ดูแลแทน (นอมินี) ของนายศักดิ์สยามมาโดยตลอด


ถือเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 ให้ ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป โดยไม่ได้ส่งผลย้อนหลังไปกระทบการทำหน้าที่รัฐมนตรีก่อนพ้นจากหน้าที่


สำหรับ มติ 7 ต่อ 1 เนื่องจากวันนี้ตุลาการ ลาป่วยหนึ่งท่าน ทำให้มีตุลาการทำหน้าที่ 8 ท่าน จากทั้งหมด 9 ท่าน ท่านที่เป็นเสียงข้างน้อย วันนี้ได้แก่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว


สำหรับโทษ ในคดีนี้ ตามรัฐธรรมนูญเมื่อขาดคุณสมบัติ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่ได้มีการตัดสิทธิทางการเมือง แต่มีห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเวลา 2 ปี ตามมาตรา 160 (8)


ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งพรรคภูมิใจไทย จะได้แจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ต่อไป


นอกจากนี้ ได้รับแจ้งจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ว่าได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ด้วย


การลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าคำพิพากษาของศาลจะไม่มีผลต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรค และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ท่านยินดีที่จะลาออกด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ