อาชญากรรม

นักอาชญวิทยาชี้ ตำรวจทำคดี "ป้าบัวผัน" ขาดการทำงานแบบมืออาชีพ

โดย kanyapak_w

17 ม.ค. 2567

164 views

รศ.พันตำรวจโท ดร. กฤษณพงษ์ พูตระกูล คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ ของลุงเปี๊ยก สามีป้าบัวผัน ที่ออกให้สัมภาษณ์ ยอมรับว่าเป็นคนที่จงใจแต่งเรื่องรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าภรรยา โดยไม่มีใครบังคับ หรือเตรียมข้อมูลให้



รศ.พันตำรวจโท ดร. กฤษณพงษ์ ระบุว่า ในประเด็นนี้ตนเองมองว่าส่วนตัวของลุงเปี๊ยก ไม่ได้เป็นคนที่มีความซับซ้อน ใดๆ เพราะเป็นการตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา และประเด็นเรื่องเก้าอี้ ที่ตัวคุณลุงใช้คำว่าโต๊ะ ก็เป็นเรื่องที่สังคมอาจจะตั้งคำถามว่าทำไมตัวคุณลุงถึงมีการใช้เก้าอี้ประกอบคำรับสารภาพ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำ ซึ่งในประเด็นนี้ต้องบอกว่า การดำเนินการในคดีอาญาของตำรวจ การรวบรวมพยานหลักฐานมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานหลักฐาน และพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับการพิสูจน์จากผู้เชียวชาญแล้ว



ในคดีนี้คงต้องตั้งคำถามว่าตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานได้ดีมากพอหรือยัง และที่สังคมตั้งคำถามว่า ถ้าลุงไม่ได้ทำผิดจริง ทำไมต้องรับผิด หรือเรื่องนี้จะเหมือนที่คนชอบพูดกันว่าผิดก็เพราะว่าเกิดมาจนหรือเปล่า



ส่วนตัวมองว่าการที่ตัวลุงเปี๊ยกออกมารับสารภาพ และนำชี้ทำแผนเป็นขั้นตอน อาจจะเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากการสอบถามหรือพูดคุยกับใครก่อนหน้าหรือไม่ อาจจะไม่ถึงขั้นการทำให้รับสารภาพแทน (อาจารย์หมายถึงว่า คนสอบปากคำอาจปักใจว่าลุงทำเลยเกิดการถามชี้นำ ทำให้ลุงมีข้อมูลเรื่องเก้าอี้) เพราะการสอบปากคำก่อนหน้านี้ ตำรวจไม่ได้ให้สื่อ หรือบุคคลภายนอกเข้าร่วมฟังด้วย



ส่วนประเด็นว่าจะมีการ ทำให้เกิดการรับสารภาพแทนกลุ่มผู้ต้องหาหรือไม่ ตนเองมองว่าในประเด็นนี้เกิดจากการที่คณะทำงานและคดีทำการรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นแรกใต้ไม่ดีพอ แต่กลับรีบแจ้งข้อกล่าวหาให้กับตัวลุงเปี๊ยก เนื่องจากในคดีนี้เท่าที่ทราบตัวผู้กำกับการออกมาให้ข้อมูลในภายหลังว่า ที่เชื่อว่าลุงเปี๊ยกเป็นผู้ก่อเหตุในตอนแรก เนื่องจากตำรวจพบคราบเลือดบนกางเกงของลุงเปี๊ยก ซึ่งยังมีการตรวจพิสูจน์ว่าคราบเลือดดังกล่าว เป็นของคนหรือของสัตว์ หากเป็นของคนใครคือเจ้าของเลือดดังกล่าว แต่กลับมีการดำเนินการนำลุงเปี๊ยกเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวน



ส่วนตัว ชื่อว่าในคดีนี้จะเกิดเป็นบทเรียนให้กับตำรวจโดยเฉพาะพนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวน ที่จะต้องร่วมมือกันรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นแรกให้มีความรัดกุมรอบคอบมากที่สุด เพื่อให้นำไปสู่การติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดตัวจริงมาดำเนินการทางคดี ประเด็นที่สองคือตำรวจต้องยอมรับว่าในปัจจุบันการดำเนินการทางคดีอาญาหรือคดีทุกประเภท ต้องมีความโปร่งใสสามารถให้ข้อมูลกับสังคมได้ และตำรวจต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม



และประเด็นสุดท้ายตนเองบอกว่าสภาพสังคมในประเทศไทยตอนนี้ ที่ถือว่าเป็นปัญหาหลักที่ยังไม่สามารถแก้ไขไม่ได้ คือเรื่องของสภาพทางสังคมที่ส่งผลต่อเรื่องยุติธรรม คือ ถ้าเป็นคนในสภาพทางสังคมไม่ดีหรือเป็นรากหญ้า ไม่มีฐานะเท่าที่ควร โอกาสที่จะได้รับความยุติธรรมจะน้อยกว่าคนที่มีสภาพทางสังคมดี มีฐานะหรือร่ำรวย

คุณอาจสนใจ

Related News