สังคม

แม่ยันหนุ่มเก๋งขาวชนแหลก ป่วยจิตเวช ลุงแท็กซี่วอนรับผิดชอบ รถใช้หาเลี้ยงทั้งครอบครัว

โดย nattachat_c

16 ม.ค. 2567

339 views

จากกรณี สื่อโซเชียลแชร์คลิป รถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง ถูกเก๋งสีขาวพุ่งชนหลายครั้ง จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนจะขับรถหนีออกไป โดยเหตุเกิดขึ้นบนถนนรัชดาภิเษก ขาออก บริเวณด้านหน้า The Street Ratchada เลยสามแยกเทียนร่วมมิตรมาเล็กน้อย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา


ความคืบหน้า วานนี้ (15 ม.ค.67) โดยสรุปพบว่าเก๋งสีขาวก่อเหตุชนรถแท็กซี่ทั้งหมด 2 คัน  3 จุด ดังนี้


จุดที่ 1

เก๋งขาวเฉี่ยวชนแท็กซี่เขียว-เหลือง บริเวณเซ็นทรัลพระราม 9 ฝั่งฟอร์จูน ชนแล้วหนี คุณลุงแท็กซี่เขียว-เหลือง จึงขับตาม กระทั่งไปเห็นเฉี่ยวชนซ้ำแท็กซี่อีกคัน (สีชมพู)


จุดที่ 2

เก๋งขาวเฉี่ยวชนแท็กซี่ชมพู บริเวณตึก RS TOWER ใกล้ๆ กับ เอสพละนาด รัชดา แล้วขับหนีไปต่อ ซึ่งคุณลุงคนขับแท็กซี่เขียว-เหลือง ที่ขับตามเห็นเหตุการณ์จึงขับตามต่อ ก่อนมาถูกชนซ้ำอีกรอบ


จุดที่ 3

ก่อนถึง 4 แยกเทียนร่วมมิตร บริเวณ The Street Ratchada แท็กซี่เขียว-เหลือง ขับตามมา ตั้งแต่ถูกชนจุดที่ 1 ได้ปาดเก๋งขาวเพื่อให้จอด ก่อนจะถูกเก๋งขาวถอยตั้งลำ แล้วชนซ้ำอย่างแรง ก่อนขับหนีต่อไป แล้วไปจอดรถทิ้งไว้ท้ายซอยอินทามระ 26

-------------

ทีมข่าวพาย้อนชมคลิปเหตุการณ์


คลิปแรก

เป็นคลิปต้นเรื่อง ที่มีการแชร์เต็มโซเชี่ยล (แต่เป็นจุดชนเดือดจุดที่ 3) จากคลิปจะเห็นว่า คืนวันที่ 14 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา รถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ถูกรถเก๋งขาวพุ่งชนอย่างแรงถึง 2 ครั้ง ได้รับความเสียหาย ก่อนเก๋งขาวจะขับรถหลบหนีไป ซึ่งเหตุเกิดขึ้นบนถนนรัชดาภิเษก ขาออก บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้า The Street Ratchada


ล่าสุด ภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร เวลา 22.43 น. จะเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด


จากคลิป เก๋งขาวขับมาเลนกลาง แล้วแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ขับตามมา ก่อนจะแซงขวา แล้วปาดหน้า ทำให้ชนกันอีกครั้ง ก่อนที่เก๋งขาวจะถอยตั้งลำ แล้วพุ่งชนอีก 3 ครั้ง ก่อนหลบหนีไป


แต่ก่อนจะมาถึงจุดที่ชนเดือด ปรากฏว่า เก๋งขาวได้เฉี่ยนชนแท็กซี่เขียว-เหลือง ตั้งแต่แถว ๆ เซ็นทรัลพระราม 9 ฝั่งฟอร์จูน โดยภาพวงจรปิดจับภาพได้เมื่อเวลา 22.41 น. แท็กซี่เขียว-เหลือง ขับอยู่เลนขวา ส่วนเก๋งขาวขับตามมาเว้นระยะพอสมควร แต่ไม่เห็นจังหวะชนชัด ๆ


แต่จากคำให้การของคนขับแท็กซี่เขียว-เหลือง บอกจุดนี้ เป็นจุดแรกที่ชน ก่อนจะขับตามกันมาต่อเนื่อง จนกระทั่ง มาเฉี่ยวชนรถแท็กซี่สีชมพูแถวตึก RS Tower


และตามคำให้การของแท็กซี่เขียว-เหลือง บอกว่า พอเห็นว่าชนแท็กซี่อีกคัน จึงขับตามต่อ ซึ่งภาพอีกมุมจะเห็นว่าแท็กซี่เขียว-เหลือง ขับตามเก๋งขาว ซึ่งขับตามกันมาด้วยความเร็วทั้งคู่


ก่อนที่ แท็กซี่เขียว-เหลือง จะปาดเก๋งขาว และเก๋งขาวตั้งลำชนซ้ำ แล้วขับหนีไปจอดรถทิ้งไว้ท้ายซอยอินทามระ 26


แท็กซี่เขียว-เหลือง ได้รับความเสียหายกันชนท้ายถูกชนจนหลุด ประตูผู้โดยสารฝั่งซ้ายก็ถูกชนเสียหาย ส่วนประตูฝั่งคนขับมีรอยถูกชนเป็นแนวยาว กระจกข้างก็หลุดออกมา


แท็กซี่ชมพูถูกเฉี่ยวชนฝั่งซ้าย จนประตูฝั่งผู้โดยสารได้รับความเสียหายเสียหาย

-------------

ส่วน เก๋งขาว (คันก่อนเหตุ) วานนี้ (15 ม.ค. 67) ช่วงสาย พบว่า ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับการแจ้งจากประชาชนว่า พบรถยนต์คันที่เกิดเหตุ จอดอยู่ในซอยอินทามระ 26 กันชนหน้าทั้งสองฝั่งถูกชนบุบ ไฟหน้าแตกพังทั้งสองข้าง ฝั่งซ้ายของรถเป็นรอยครูดยาว และกระจกมองข้างซ้ายเสียหาย


ทั้งนี้ ยังสังเกตได้ว่า ทุกร่องรอยที่ชน ปรากฎคราบสีเขียวของแท็กซี่ติดอยู่  ภายในรถยังเสียบกุญแจคาไว้ และพบซองกับขวดน้ำ 2 ขวด บรรจุของเหลวสีเหลือง (คล้ายน้ำกระท่อม) ถูกวางไว้ที่พักเท้าฝั่งคนนั่ง และที่หน้ากระจกรถพบสติ๊กเกอร์ 'สำนักงานอัยการสูงสุด" ด้วย

-------------

ทีมข่าวคุยกับชาวบ้านภายในซอย ให้ข้อมูลว่า


รถยนต์คันดังกล่าวไม่ใช่รถของคนภายในซอย แต่เห็นรถยนต์คันนี้มาจอดกีดขวางท้ายซอย ประมาณ 4-5 ทุ่ม เมื่อคืนวันเกิดเหตุ


ชาวบ้านจึงได้ตะโกนว่า มาจอดตรงนี้ไม่ได้ เพราะขวางรถของคนอื่น จากนั้น มีชายหนุ่มไม่ทราบรูปพรรณสัณฐานที่แน่ชัด ลงมาจากรถ แล้วบอกกับชาวบ้านว่า ขอจอดแป๊บเดียว ก่อนจะเดินออกไปสูบบุหรี่บริเวณปากซอย แล้วหายไปเลย


กระทั่ง มีคลิปนี้ออกมา จึงแจ้งตำรวจ เพราะเชื่อว่าเป็นรถคันเดียวกัน จากนั้นตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้นำรถยกมาย้ายเก๋งขาวเพื่อดำเนินการตรวจสอบที่ สน.ห้วยขวาง

-------------

ทั้งนี้ มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในฝั่งของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากขณะนั้น แม่ยังไม่ทราบว่า ลูกเข้าให้การกับตำรวจแล้ว ซึ่งมีการอัพเดตจาก เพจ สายไหมต้องรอด ระบุว่า


'แม่' คนขับเก๋งขาวชนแท๊กซี่ ประสาน #สายไหมต้องรอด ยันลูกป่วยคิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ใครเจอฝากนำส่ง รพ. วอนอย่าทำร้ายลูก!


พร้อมแนบภาพใบตรวจรักษา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 ระบุชื่อ นายสิทธิกร อายุ 33 ปี ใจความระบุว่า “มากับมารดา ขาดนัด ขาดยานัด มาจากฉุกเฉิน // 2 วันก่อนมาตรวจที่ฉุกเฉิน มีพูดคนเดียว บอกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ก้าวร้าว ทะเลาะกับมารดา // ได้ยาทานกับยาฉีด // รับประทานยาต่อเนื่อง // ยังคิดว่าตนเองเป็นพระพุทธเจ้าเป็นบางครั้ง // เครียดเป็นบางครั้ง // ปฏิเสธหูแว่ว // ภาพหลอน // ไม่หงุดหงิด // นอนหลับได้”


จากนั้น เพจ สายไหมต้องรอด โพสต์เพิ่ม ระบุว่า


“แม่คนขับเก๋งขาว ให้ข้อมูลว่า ลูกเคยบวชตอนเรียนมหาวิทยาลัย 2 เดือน คิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อน ๆ ต้องไปกราบ ขอให้สึกมาเรียนให้จบ!”


ต่อมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้ง เพจ สายไหมต้องรอด ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า


ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิต และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว เริ่มตั้งแต่อายุ 23 ปี เรียนมหาวิทยาลัยปี 4 ไปบวชเป็นพระ 2 เดือน และพักเรียนเอาไว้ก่อน


แต่ไป ๆ มา ๆ กลับบวชนานเป็น 10 ปี จนเพื่อนต้องไปร้องขอ ให้สึกออกมาเรียนต่อให้จบ พอเรียนจบ ก็อยากเป็นนักกีฬาเพาะกาย แม่เลยเปิดฟิตเนสให้ ฝึกฝนได้เป็นนักกีฬา แต่ปรากฎว่า มักจะมีอาการคลุ้มคลั่ง คิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าตลอดเวลา แม่พาไปรักษาอาการทางสมองมาตลอด เวลาไปไหนมาไหนจะพรมน้ำมนต์ตลอด


สาเหตุที่ลูกชายมีอาการทางจิต แสดงออกด้วยการคลุ้มคลั่ง ฉุนเฉียว เพราะบริโภคสารกระตุ้น ทำให้กล้ามเนื้ออยู่ตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อน้ำในสมอง และสารบางอย่างในสมอง จนทำให้ลูกชายมีอาการคุ้มคลั่ง จนหมอต้องสั่งให้เขาหยุดเล่นกีฬา แต่ตัวลูกชายไม่หยุดเล่นกีฬาเพาะกาย เพราะเป็นกีฬาที่เขารัก


กระทั่งวันที่ 5 มกราคม 2567 แม่ได้พาลูกชายไปพบแพทย์เพื่อรับยารักษาอาการทางจิต


แต่ปรากฏว่า ในเย็นวันนั้น ลูกชายไม่ยอมกินยา แล้ววิ่งหายออกไปจากบ้าน


ผ่านไปจนถึง วันที่ 10 มกราคม 2567 แฟนของลูกชายก็ส่งข่าวมาบอกว่า เจอลูกชายแล้ว จึงรีบแจ้งกู้ภัยให้ล็อกตัวลูกชายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


แม่คุยกับหมอ ขอให้ฉีดยาให้หลับ และแม่จะพาไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลที่เดิม แต่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าไม่ฉีดยาให้ ทำให้ลูกหนีออกจากบ้านกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว

-----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/8vBl1TsQBhc




คุณอาจสนใจ

Related News