ดีเอสไอนำตัว “เฮียสมเกียรติ” อดีตเลขา “เฉลิมชัย” สอบเอี่ยวขบวนการลักลอบนำเข้าตีนไก่เถื่อน

วันนี้ (15 ม.ค. 67) เมื่อเวลา 14.15 น. พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นำตัว นายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาสอบปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกออกหมายจับในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 / พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 / ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร / และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จากกรณีที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขยายผลตรวจสอบพบว่า มีความเชื่อมโยงกับขบวนการสวมสิทธิ์ค้าตีนไก่เถื่อนส่งขายประเทศจีนของ นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย


โดยนายสมเกียรติเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ได้ประสานขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เมื่อเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ ตม. จึงได้พาตัวจากสนามบินดอนเมืองมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทันทีที่นายสมเกียรติลงมาจากรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นไปที่ชั้น 7 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อลงบันทึกจับกุม ก่อนเตรียมนำตัวไปสอบปากคำต่อไป


ต่อมา เวลา 16.15 น. ภายหลังลงบันทึกจับกุมเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายสมเกียรติ มาที่ห้องสอบปากคำ โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า วันนี้มีความกังวลหรือความเครียดหรือไม่ นายสมเกียรติยิ้มตอบว่า ไม่เลย และเมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ได้คุยกับนายเฉลิมชัยหรือไม่ นายสมเกียรติ ตอบว่า ไว้รอสอบปากคำให้เสร็จก่อน


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าตีนไก่ส่งออกไปขายประเทศจีนหรือไม่ นายสมเกียรติ ตอบทันทีว่า ผมบริสุทธิ์แน่นอน และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อถามว่ารู้จักกับ เฮียเก้าหรือไม่ นายสมเกียรติ ไม่ตอบ และเข้าห้องสอบปากคำไปทันที


ด้าน พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ในกรณีของนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีตีนไก่สวมสิทธิ์นั้น ได้ให้ พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน รับผิดชอบการสอบสวน ซึ่งในขั้นตอนของชั้นสอบสวน เจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาและเเจ้งสิทธิที่ผู้ต้องหาพึงได้รับ จากนั้นผู้ต้องหาจะให้การหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาก็เป็นสิทธิของเจ้าตัว ซึ่งถ้าพร้อมให้การ เจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น นายสมเกียรติ มีบทบาทใดในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ / มีความเกี่ยวข้องกับการส่งออกตีนไก่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศอย่างไรบ้าง / ปริมาณจำนวนตีนไก่ที่ส่งออกจำหน่าย และประเด็นสำคัญอื่นๆ เป็นต้น


แต่ถ้าเจ้าตัวไม่พร้อมให้การ และปฏิเสธข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาก็มีหน้าที่จะต้องส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามประเด็นที่พนักงานสอบสวนระบุสอบถามไป จากนั้นค่อยนำส่งเอกสารดังกล่าวมามอบให้กับพนักงานสอบสวน หรือมอบหมายทนายความส่งหนังสือชี้แจงแทน หรือพนักงานสอบสวนอาจนัดหมายให้ผู้ต้องหาเข้าให้ปากคำในวันเวลาที่กำหนด


สำหรับคดีนี้ ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขออนุมัติศาลอาญารัชดาภิเษก ออกหมายจับ 5 ผู้ต้องหา หลังพบพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าตีนไก่จากประเทศที่ 3 และนำมารีแพคก่อนส่งออกไปขายที่ประเทศจีน โดยพนักงานสอบสวนได้สืบสวนขยายผลมาจาก บริษัทชิปปิ้งในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ และพบว่าขบวนการสวมสิทธิ์ตีนไก่เถื่อนนี้ มีการใช้บริการบริษัทชิปปิ้งเดียวกัน


ซึ่งหนึ่งใน 5 ผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับ มี “เฮียเก้า” ด้วย ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่า เฮียเก้าเป็นน้องชายต่างมารดาของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ต่อมา นายเฉลิมชัย ได้ออกมาปฏิเสธว่า เฮียเก้า ไม่ใช่น้องชายต่างมารดา เป็นแค่คนที่มาขอใช้นามสกุล