อาชญากรรม

เปิดวงจรปิด นาทียื้อแย่งปืน ‘หมวดนัท’ ก่อนเจอยิงดับ เจ้าตัวอ้างถูกหลอกใช้ ตร.ไม่ปักใจเชื่อ

โดย petchpawee_k

31 ธ.ค. 2566

445 views

เปิดวงจรปิด! บนทางด่วนนาทีนักธุรกิจหนุ่ม ยื้อแย่งปืน “หมวดนัท” บนรถตู้เสียหลักชนแบริเออร์ เปิดประตูล็อคคอนักธุรกิจลงจากรถปลุกปล้ำต่อสู้กัน ก่อนขับรถหนีวกรถกลับมายิงซ้ำ ขณะตำรวจเค้นสอบ “หมวดนัท” นาน 12 ชม. เช้ายันค่ำ เจ้าตัวเงียบไม่ตอบสื่อ  ชุดสืบเผยอ้างมีปัญหาหนี้สินติดหนี้ในระบบ 2 ล้าน ทำงานคนขับรถให้ผู้ตาย 5 เดือน  บอกจะเคลียร์หนี้-วิ่งเต้นตำแหน่งให้  มีปากเสียงเรื่องถูกหลอกใช้


ล่าสุดแจ้ง 2 ข้อหาหนัก ตร. ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เชื่อสาเหตุมาจากการรับผลประโยชน์ เผย ร.ต.ท.กบดานใกล้ดอนเมืองหวังบินหนีนอก ปท. เตรียมเรียกครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ปากคำเพิ่มเติม


กรณี ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายกฤษฏิ์  อายุ 30 ปี หนุ่มนักธุรกิจบาดเจ็บ บนทางพิเศษฉลองรัช ก่อนขึ้นรถหลบหนี โดยผู้บาดเจ็บซึ่งมีลูกชาย 2 คน อายุประมาณ 9 ปี กับ 12 ปี หลังจากถูกยิงล้มกองอยู่กับพื้นถนน ได้โทรศัพท์ไปหาภรรยา บอกให้พาลูกทั้งสองคน หลบหนีออกจากคอนโดฯ ที่พักย่าน อ.บางเสาธง ออกไปก่อน เนื่องจากเกรงว่า ผู้ก่อเหตุ จะตามเข้าไปทำร้าย เพราะผู้ก่อเหตุ รู้จักบ้านพักและเข้าออกเป็นประจำ


ขณะเดียวกัน ทางด้าน ร.ต.ท. ก็ได้วนรถกลับมา กระหน่ำยิงซ้ำหนุ่มนักธุรกิจเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ บนทางพิเศษ(ด่วน) ฉลองรัช กม.10 เหนือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงใกล้แยกประชาธรรม แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จับภาพเวลา 23.02 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.2566 จะเห็นรถตู้ยี่ห้อฮุนได เอช 1 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง วิ่งอยู่บนทางด่วนในเลนกลาง (ร.ต.ท.ณรงค์วัส เป็นคนขับ) พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน พยายามขับรถชะลอเข้าจอดข้างทางในเลนซ้าย


จากนั้นนายกฤษฎิ์ ผู้ตาย มีปากเสียงกับ ร.ต.ท.ณรงค์วัส บนรถคันดังกล่าว โดย ร.ต.ท.ณรงค์วัส ยิงปืนใส่ขานายกฤษฎิ์ ก่อนที่นายกฤษฎิ์ จะพยายามยื้อแย่งปืนจนรถตู้เสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ข้างทาง


จากนั้น ร.ต.ท.ณรงค์วัส หรือ หมวดนัท เปิดประตูลงจากรถ ล็อคคอนายกฤษฎิ์ ลงมาจากรถปลุกปล้ำกันต่อสู้กันบนถนน ก่อนคลิปจะถูกตัดไป ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนี้คือ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ยิงนายกฤษฎิ์ แต่ตำรวจขอไม่เปิดเผยเหตุการณ์ขณะนั้น เนื่องจากเกรงจะกระทบกับความรู้สึกครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งตำรวจมีภาพเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี


โดยความคืบหน้าทางคดีเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (30 ธ.ค.) กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 พร้อม ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง และ ฝ่ายสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังมาปิดล้อมบริเวณห้องพักรายวันแห่งหนึ่ง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ติดตามตัวจับกุม ร.ต.ท.ณรงค์วัส หรือนัท ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุดังกล่าวไว้ได้ ตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 4841/2566 โดยกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน”


ทั้งนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิดหลังร.ต.ท.ณรงค์วัส ก่อเหตุ และขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม จากเจ้าของกิจการแห่งหนึ่งในพื้นที่ เผยวันที่เกิดเหตุ 30 ธันวาคม 2566 เวลา 02:58 นาที ร.ต.ท.ณรงค์วัส นั่งรถแท็กซี่ขาว - ชมพู ผ่านหน้าโรงแรมขณะนั้นก็มีรถเจ้าหน้าที่สายตรวจขับสวนกันพอดีทำให้รถแท็กซี่ที่กำลังจะจอดต้องขับเลยออกไป ก่อนจะขับกลับเข้ามาจอดบริเวณโรงแรมดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 2 นาที คุยกับพนักงานโรงแรมก่อนจะกลับมาจ่ายเงินเเท็กซี่และเข้าโรงแรมไป


วงจรปิดตัวที่ 2 วันเดียวกันผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยชุดสืบสวนของนครบาลเฝ้าติดตาม ร.ต.ท.ณรงค์วัส ผู้ก่อเหตุจนสบโอกาสที่ ร.ต.ท.ณรงค์วัส เดินออกมานอกห้องคาดกำลังจะเดินทางไปจุดหมายอื่น ทันทีที่เจ้าหน้าที่แสดงตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส ผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดยอมให้จับและเข้าตรวจค้นร่างกาย ก่อนที่จะควบคุมตัวร.ต.ท.ณรงค์วัส ออกจากโรงแรมไป


 จากนั้นคุมตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส ไปสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล 4 เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือสังหารผู้ตาย โดยอ้างว่าตนมีปัญหาหนี้สินติดหนี้ในระบบ 2 ล้านบาท จากการกู้ไปลงทุนทำธุรกิจแล้วเจ๊ง จากนั้นก็ได้รู้จักกับผู้ตายแล้วคอยทำงานเป็นคนขับรถให้ผู้ตาย ทำงานมาประมาณ 5 เดือน ระหว่างทำงานถูกบอกว่าจะเคลียร์หนี้ให้ บอกว่าจะดูเรื่องตำแหน่งให้ แต่ยังไม่เห็นว่าจะทำอะไรให้


จนมาถึงวันเกิดเหตุ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ขับรถให้กับผู้ตายและมีปากเสียงกันเรื่องที่ว่าถูกหลอกใช้ ตอนก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนของตัวเองยิงขาแล้วขู่ก่อนบังคับให้โอนเงินจำนวน 20 ล้าน แต่ตกลงกันไม่ได้มีการยื้อแย่งอาวุธปืนโดยผู้ตายข้ามมายื้อแย่งปืนตำแหน่งผู้ก่อเหตุที่ขับรถอยู่ แล้วเปิดประตูลงไปนอกรถ


จากนั้นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงซ้ำอีกถูกบริเวณแขน ยังไม่เสียชีวิต ต่อมาผู้ต้องหาได้ขับรถหนีไปแต่นึกได้ว่าทำโทรศัพท์ของตนเองตกไว้ในที่เกิดเหตุ จึงวนรถกลับมาอีกรอบและบังคับให้โอนเงินอีกครั้ง เมื่อไม่ยินยอมจึงยิงที่หัวอีก 2 นัด เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ผู้ต้องหายอมรับว่าเกิดจากความเคลียดและเข้าใจว่าตนถูกหลอกใช้


ขณะเดียวกันทางด้านพล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า หลังเข้าสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากมีปากเสียงกันภายในรถตู้ เพราะถูกผู้เสียชีวิตหลอกว่าจะช่วยเคลียร์ปัญหาหนี้สินที่ติดค้างจำนวน 2 ล้านบาท และอ้างว่าจะให้การช่วยเหลือโยกย้ายตำแหน่งงานจากสายงานสอบสวนไปสืบสวน


โดยจากคำให้การ ผู้ต้องหาอ้างว่ารู้จักกับผู้เสียชีวิตเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ในฐานะที่ผู้เสียชีวิตเคยเป็นผู้เสียหาย เข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ว่าธุรกิจถูกฉ้อโกงและต่อมาผู้เสียชีวิตได้ชักชวนให้มาทำงานพิเศษเป็นคนขับรถส่วนตัว และ รักษาความปลอดภัย ซึ่งแลกกับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท นอกจากนี้ผู้ต้องหายังอ้างว่าส่วนตัวมีปัญหาเรื่องหนี้สินในระบบจำนวน 2 ล้านบาท จากการไปกู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจ


จากคำให้การทั้งหมดตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ กรณีดังกล่าว เพราะเงินค่อนข้างน้อย ส่วนเหตุที่กลับมายิงนั้นเพียงต้องการเอาโทรศัพท์ที่ทำตกอยู่ แต่เห็นผู้ตายยังไม่เสียชีวิตจึงใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ รายละเอียดดังกล่าวอยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้งนี้ ต้องรอผลสรุปการรวบรวมพยานหลักฐานให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย


จึงต้องขอทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลให้ครบถ้วนในประเด็นที่สงสัย โดยเฉพาะต้องขยายผลในเรื่องธุรกิจของผู้เสียชีวิตว่าทำไมต้องจ้างให้ผู้ต้องหาไปทำงาน แต่เบื้องต้นทราบว่าธุรกิจดังดล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องธุรกิจสีเทา ซึ่งหลังจากนี้จะเชิญครอบครัวผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน


เมื่อถามว่า ผู้ต้องหามีความเครียดหรือไม่ ผบก.น.4 กล่าวว่า มีความเครียดแน่นอน เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาเดินทางไปบ้านภรรยาเนื่องจากเห็นรถนั้น ขอสงวนไว้ก่อน เพราะอยู่ในสำนวน ส่วนรถยนต์ที่ก่อเหตุนั้นตรวจสอบรถที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบภายในรถ อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาที่เป็นประจักษ์พยานเพียงคนเดียว


ส่วนธุรกิจปิดที่ใช้เงินก้อนใหญ่นั้น ต้องดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินพิสูจน์ทราบการลงทุนร่วมกันหรือไม่  ส่วนการทำพาสปอร์ตนั้นเตรียมการหนีหรือไม่ ต้องทำการพิสูจน์ทราบว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่


ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ติดตามไปพบตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัสที่ห้องพักรายวัน แขวงสีกัน ดอนเมือง กทม. ใกล้กับสนามบินดอนเมือง และพบพาสปอร์ตของผู้ก่อเหตุ จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.ท.ณรงค์วัสตั้งใจจะหลบหนีออกนอกประเทศ โดยไปยังประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่า แต่ก็ติดขัดเรื่องเงิน จึงยังไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้จนมาถูกติดตามจับกุมเสียก่อน


ภายหลังจากชุดสืบสวนกองกำกับการ บังคับการตำรวจนครบาล 4 ทำการสอบปากคำแล้วเสร็จ ได้ส่ง ตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส ให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ทำการควบคุมฝากขังศาลอาญาในวันนี้ (31 ธ.ค.) จากนี้ บก.น.4 จะดำเนินการทำเรื่องออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป

ขณะที่เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้ที่เข้าระงับเหตุในขณะเกิดเหตุและเป็นพยานสำคัญได้เดินทางมาที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 4 เพื่อให้ปากคำกับตำรวจ และชี้ตัวยืนยันตัวผู้ต้องหาประกอบสำนวนคดี โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้น ๆ เพียงว่า ในขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืน 4 นัด


ภายหลังใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที พยานทั้งสองคนได้ออกมาจากห้อง แล้วรีบกลับไปขึ้นรถทันที สื่อมวลชนวิ่งตามไปพยายามสอบถาม เจ้าตัวพูดว่า รายละเอียดสำคัญๆ ได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว


โดยระบุว่าวันที่เกิดเหตุดูกล้องวงจรปิดบนทางด่วน เห็นรถตู้คันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทางซ้ายมือ คิดว่ารถเสีย ทั้งสองคนจึงเข้าไปตรวจ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเห็นนาย นอนได้รับบาดเจ็บอยู่ /เมื่อสอบถามว่าเห็นจังหวะที่หมวดนัท วนรถกลับมายิงผู้ตายซ้ำอีกหรือไม่ พยานคนนี้ยืนยันว่าเห็นว่าหมวดนัท วนรถกลับมายิงจริง โดยหมวดนัท ไม่ได้พูดอะไรก่อนยิง

จากนั้นเวลา 18.50 น. ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล 4 ได้คุมตัวหมวดนัท ออกจากห้องสอบสวนโดยใส่กุญแจมือ แต่เอาผ้าพันปิดไว้ และใช้เสื้อแจ็กเกตคุมหัว เดินออกมาขึ้นรถเพื่อนำตัวไปส่ง สน.วังทองหลาง พื้นที่รับผิดชอบคดี


โดยระหว่างเดินออกมาผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกับหมวดนัท ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าทะเลาะอะไรกับนายกฤษฎิ์ และปมเหตุแค้นรัวยิงคือเรื่องเงิน 20 ล้านที่บังคับโอน กับเรื่องเคลียร์หนี้ 2 ล้าน และวิ่งเต้นตำแหน่งใช่หรือไม่ แต่หมวดนัท ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อ เดินก้มหน้าหนีไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว  

จากนั้นใช้เวลาประมาณไม่ถึง 10 นาที ออกจากกองสืบนครบาล 4 มาถึง สน.วังทองหลาง ผู้สื่อข่าวก็พยายามถามอีกครั้งแต่ก็เดินก้มหน้ายังปิดปากเงียบเหมือนเดิม จนกระทั่งถูกคุมตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาไป



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/04iPGCFyhBw

แท็กที่เกี่ยวข้อง  นักธุรกิจหนุ่ม

คุณอาจสนใจ